*2ผู้ต้องหาแก๊งแยกชิ้นส่วนรถจยย.ซัดทอดหลาน ว่าเป็นคนนำมาฝากไว้ ตร.ขยายผลติดตามจับกุม*

10 เมษายน 2558, 15:32น.


การติดตามขยายผลจับแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ในหลายพื้นที่แถบฝั่งธนบุรี และนำไปแยกชิ้นส่วน จส.100 ได้รับการแจ้งประสานจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิในการช่วยติดตามและประสานสกัดจับรถจักรยานยนต์ และติดตามเพิ่มเติม พบว่า ยังมีรถจักรยานยนต์อีกจำนวนมากที่ถูกแก๊งนี้ขโมยไป พล.ต.ต. ฤชากร จรเจวุฒิ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยถึงการติดตามคนร้ายในแก๊งนี้ ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพื้นที่ทั้ง สถานีตำรวจนครบาลบางมด สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม และสถานีตำรวจนครบาลบางเสาธง ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าถูกขโมยรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แจ้งหายพร้อมกันในช่วงหัวค่ำของวันที่ 9 เมษายน 2558 เช่นเดียวกับรถของนายพิชย์ พิชัย ที่แจ้งหายเมื่อเวลา 21.20น. เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบตามระบบติดตามหรือจีพีเอส ที่ติดตั้งกับตัวรถ และได้ทราบว่ารถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ที่เพิงพักให้เช่าท้ายซอยสุขสวัสดิ์ 4 จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบและพบว่ารถที่แจ้งหายของนาย พิชย์ ถูกจอดทิ้งไว้ที่นั้นจริง พร้อมกับรถจักรยานยนต์อีกกว่า 6 คันที่จอดไว้บริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นที่ของนายฉันท์ นาเสงี่ยม อายุ 59 ปีและ นางบังอร นาเสงี่ยม อายุ 42 ปี และได้ขอเข้าตรวจสอบจนพบว่าเป็นรถที่ตรงกับผู้เสียหายรายอื่นที่แจ้งไว้ตามสถานีตำรวจ ก่อนหน้านี้จึงแสดงตัวจับกุมนายฉันท์ และ นางบังอร สองสามีภรรยาได้ ซี่งทั้งสองให้การรับสารภาพพร้อมให้การซัดทอดว่าหลานชายของตัวเองคือ นายเกียรติศักดิ์ นาเสงี่ยมพร้อมกับเพื่อนของนายเกียรติศักดิ์ เป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ทั้ง7คันมาฝากไว้ โดยอ้างว่าเป็นรถที่ยึดมาได้ ไม่ใช่รถขโมยมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจรแล้ว และจะขออนุญาตศาลฝากขังต่อไป ส่วนขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวนายเกียรติศักดิ์  ทั้งนี้จากการตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าวสามารถยึดของกลางได้กว่า 17 รายการ เช่น รถจักรยานยนต์ 7 คัน เบ้ากุญแจ 32 เบ้า ไขควง ฝาถังน้ำมัน เป็นต้น โดยขณะนี้ตามตัวเจ้าของรถจักรยานยนต์ได้แล้ว 5 คัน ขาดอีก 2 คันที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ



ด้านนางบังอร ยอมรับว่าหลานชายมาฝากรถไว้จริง แต่ตัวเองไม่ได้รู้เห็นในการขโมยรถด้วย โดยตัวเองเช่าพื้นที่ดังกล่าวขายอาหารตามสั่งปกติไม่มีความรู้ด้านนี้ และเคยถามหลานชายแล้วว่าเป็นรถที่ขโมยมาหรือไม่ ซึ่งหลานชายปฎิเสธ พร้อมระบุว่ารถทั้ง 7 คันหลายชายได้ทยอยนำมาฝากได้เพียงเดือนเศษเท่านั้น ปกติหลานชายทำงานเกี่ยวกับด้านรถแต่ไม่ทราบว่าทำอะไร



ขณะที่นายชัยณรงค์ วัฒนะชัยพัฒนา ผู้เสียหาย ระบุว่า ลูกชายนำรถไปจอดไว้หน้าห้างบิ๊กซีพระราม 2  ช่วง19.00น.ของวันที่ 9 เมษายน และได้ล็อคคอไว้ แต่พบว่ารถหายเมื่อเวลา 19.20น.จำได้ว่าผู้ขับรถไปสวมเสื้อสีเหลือง ผิวดำแดง อายุประมาณ20 ปี สูง 170 ซม. โดยขับรถผ่านตัวเองที่เป็นเจ้าหนาที่รักษาความปลอดภัยของห้างอยู่



พล.ต.ต. ฤชากร ระบุว่า  ช่วงกลางดึกเมื่อคืนนี้เวลา 01.30น. ยังสามารถจับกุมเยาวชน 1 คนอายุ 13 ปี ในข้อหาลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ได้เช่นกัน โดยเป็นการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณบางมดตามปกติ แต่เห็นเยาวชนคนดังกล่าวเข็นรถมาพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คนและรถจักรยานยนต์ 2 คัน และเมื่อพบด่านของตำรวจเพื่อนทั้ง 4 คนได้ขี่รถหนีทิ้งเด็กเยาวชนไว้จนเจ้าหน้าที่พบพิรุธจึงสามารถจับกุมได้ ทั้งนี้จากทั้งสองกรณีพบว่า คนร้ายจะเลือกขโมยรถจักรยานยนต์ที่ไม่ล็อคคอ หรือจอดในที่เปลี่ยว และยังพบว่ามักเลือกยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟเป็นหลักด้วย ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนให้ล็อคคอและใส่กุญแจป้องกันอย่างแน่นหนา และอย่าจอดในที่เปลี่ยวเพื่อป้องกันเหตุ เพราะส่วนมากผู้ที่ก่อเหตุมักได้ประกันตัวในชั้นศาลและกลับมาก่อเหตุซ้ำเช่นเดียวกับกรณีเมือคืนเยาวชนอายุ 13 ปีที่เพิ่งได้รับการประกันตัว



ธีรวัฒน์ 

ข่าวทั้งหมด

X