+++ความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับหลายหน่วยงาน ตรวจสอบพื้นที่โบนันซ่า รีสอร์ต เขาใหญ่ พบว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ นำมาสร้างสนามแข่งรถและสร้างบ้านพัก บนพื้นที่กว่า 151 ไร่ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข รอง ผบช.ภ.3 พร้อมคณะ ลงพื้นที่โบนันซ่าเพื่อตรวจสอบสนามแข่งรถ โดยมี น.ส.วรรณา เขียนโคกกรวด อายุ 30 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการสนามแข่งรถโบนันซ่า นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ทั้งนี้ หน่วยงานตรวจสอบชี้จุดมีป่าไม้และที่ดิน เข้าพื้นที่จับพิกัดตามแผนที่ เพื่อนำป้ายแนวเขตไปปัก ส่วน ส.ป.ก.ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแนวเขต ส.ป.ก. และนอกพื้นที่ของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) เดินทางเข้าสนามแข่งรถโบนันซ่าเพื่อติดป้ายขอยึดพื้นที่คืน แต่มีชายอ้างตัวเป็นทนายความของโบนันซ่าเข้ามาขัดขวางห้ามติดป้าย โดยอ้างว่าโบนันซ่ามีพื้นที่ทำธุรกิจกว้างขวาง ถ้าติดป้ายโดยไม่มีการบอกพิกัดชัดเจน จะทำให้โบนันซ่าเสียหาย ถ้าจะนำป้ายติด ให้เจ้าหน้าที่ทำแผนที่และบอกพิกัดจุดบุกรุก ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เพียงตีหลักไม้จุดที่ 1
+++พล.ต.ต.ธเนษฐ กล่าวว่า ร่วมกับหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตของตัวเองก่อนว่ามีการบุกรุกในจุดใด ขอเวลา 7 วัน เพื่อให้แต่ละหน่วยงานรายงานเพื่อตรวจสอบเอกสาร เพราะจากการตรวจสอบตามแผนที่ มีการบุกรุกและออก น.ส.3 ก. ทับพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 เพราะอำนาจของตำรวจดูแลเกี่ยวกับเรื่องคดีว่าใครผิด จะเชิญตัวมาสอบสวน แต่ขอเวลา 7 วัน
+++พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า ตอนนี้คดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อที่ดินจากทางฝ่ายป่าไม้ และฝ่ายเจ้าของพื้นที่ คือบริษัทโบนันซ่า เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับพิกัดจีพีเอส ว่ามีการรุกล้ำอย่างไรบ้าง ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตำรวจคงต้องพิสูจน์การกระทำผิดไปตามหลักฐาน อาจมีการใช้มาตรา 44 เพื่อเร่งรัดคดีให้เร็วขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่าการตรวจสอบหลักฐานรวดเร็วเพียงใด อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถเร่งรัดคดีให้เสร็จภายใน 30 วันแน่ เพราะต้องให้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งตำรวจมีเวลาทำงานบ้าง
+++น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ตรวจสอบนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนสูงผิดปกติกว่า 100 ราย หลังจากพบว่าไม่มีหลักฐานแสดงชัดเจนว่ามีเงินทุนเข้าบริษัทจริง จึงเกรงว่าบางรายอาจเปิดกิจการที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เชิญมาพบ และขอให้ดำเนินการในเรื่องเงินทุนจดทะเบียนให้ถูกต้องตามที่ได้ยื่นขอจดทะเบียนไว้ ถ้าไม่ดำเนินการ จะใส่ไว้ในหมายเหตุในงบการเงินว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีทุนจดทะเบียนจริง และเตือนผู้ที่ทำธุรกิจร่วมต้องระวังในการทำธุรกิจ เนื่องจากไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะพิจารณายกเลิก โดยเวลานี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อกฎหมาย ขณะเดียวกัน ยังได้ตรวจสอบบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 10,000 ล้านบาท โดยเรียกมาตรวจสอบหลักฐานการลงทุน และมีหลายกรณีที่ได้ส่งให้กรมสรรพากรช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม และบางกรณีได้มีการส่งดำเนินคดีแล้วกรณีที่ดำเนินขั้นตอนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
+++นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ข้อมูลหนี้ครัวเรือนของไทยล่าสุดไตรมาส 4 ปี 2557 อยู่ที่ 10.43 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 86 ของจีดีพี ยังไม่น่าเป็นห่วง แม้ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นอัตราขยายตัวที่ชะลอลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ปี 2557 อยู่ระดับต่ำร้อยละ 0.7 ต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้น แต่หนี้ครัวเรือนสูงไม่ได้หมายความว่าน่าเป็นห่วงเสมอไป สะท้อนถึงการเข้าถึงสถาบันการเงินได้ดี โดยวิธีที่แก้ไขหนี้ครัวเรือนที่ดีที่สุด คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เพื่อนำไปใช้หนี้ และต้องกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทย ยังถือว่ามีคุณภาพดี สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของไทย พบว่า เป็นหนี้ที่เกิดการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยร้อยละ 27 กู้ซื้อรถยนต์และรถจักรยายนต์ร้อยละ 16 หนี้สหกรณ์ร้อยละ 15 หนี้เพื่อการพาณิชย์ทำธุรกิจร้อยละ 17 รวมกันเป็นร้อยละ 75 ซึ่งหนี้ครัวเรือนส่วนนี้เป็นหนี้ที่มีคุณภาพมีหลักประกันในการกู้เงิน ทำให้ไม่ใช่หนี้ครัวเรือนที่น่ากลัว ขณะที่ หนี้ครัวเรือนที่เหลืออีกร้อยละ 25 เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภค เช่น การศึกษา ทำงานต่างประเทศ ซ่อมแซมบ้าน มีสัดส่วนร้อยละ 19 เป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่หลายฝ่ายเป็นกังวลอย่างละร้อยละ 3 หรือ รวมกันเป็นร้อยละ 6 ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับหนี้ครัวเรือนทั้งหมด นอกจากนี้ หากพิจารณาจากหนี้ครัวเรือนทั้งหมด พบว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ร้อยละ 43 สถาบันการเงินของรัฐร้อยละ 29 และสหกรณ์อีกร้อยละ 15 รวมกันเป็นร้อยละ 87 ถือว่ามีระบบการปล่อยสินเชื่อและตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ทำให้หนี้ครัวเรือนยังไม่น่าเป็นห่วง
+++การเล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.พบว่ามี 11 แหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกสูง โดยทั้ง 11 แห่งไม่ควรนำน้ำมาใช้ในการเล่นสาดน้ำกันได้แก่ 1. แม่น้ำยม บริเวณ อ.เมือง จ.สุโขทัย 2. กว๊านพะเยา บริเวณ อ.เมือง จ.พะเยา 3. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 4. แม่น้ำเลย บริเวณ อ.เมือง จ.เลย 5. แม่น้ำลำปาว บริเวณ อ.เมืองอ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ 6. แม่น้ำเสียว บริเวณ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด 7. แม่น้ำชุมพร บริเวณ อ.เมือง จ.ชุมพร 8.แม่น้ำปากพนัง บริเวณ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช 9.แม่น้ำตาปี บริเวณ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 10.แม่น้ำปัตตานี บริเวณ อ.เมือง จ.ปัตตานี และ 11. ทะเลหลวง บริเวณ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง นายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่บริเวณคูเมือง จ.เชียงใหม่ 10 จุดพบว่ามีเพียง 2 จุดเท่า นั้นที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรม ได้แก่ ด้านทิศตะวันตก บริเวณหน้าโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม และด้านทิศเหนือบริเวณหน้าศูนย์คอมพิว เตอร์ซิตี้ จึงฝากถึงประชาชนให้มีความระวังระวังในการเล่นน้ำจากแหล่งน้ำผิวดินและไม่ว่าจะใช้น้ำจากแหล่งใด ทั้งคนสาดน้ำและคนที่ถูกสาดน้ำ ควรพยายามระวังส่วนที่เป็นทางเข้าสู่ร่างกาย เช่น ตา หู จมูก และปาก โดยเฉพาะเมื่อเล่นน้ำเสร็จควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยหรือขณะเล่นน้ำถ้าเกิดอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ระคายเคืองผิวหนัง เกิดเม็ดผื่นคัน ควรหยุดเล่นทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวทันที และถ้าเป็นไป ได้ควรตรวจสอบด้วยว่าน้ำเหล่านั้นมาจากแหล่งใดมีอะไรผิดปกติหรือส่งตัวอย่างให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
+++นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ยอดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นสูงถึง 2,992 ครั้ง บาดเจ็บ 3,225 ราย เสียชีวิต 322 ศพ สุรายังเป็นสาเหตุหลักของความสูญเสีย
+++เหตุเรือโดยสาร อ่าวนางปริ๊นเซส 5 จากกระบี่-ภูเก็ต ของบริษัทอ่าวนางเทรเวลแอนด์ทัวร์ เกิดไฟลุกไหม้จนวอดทั้งลำดิ่งจมกลางทะเลอันดามัน ใกล้เกาะเสม็ด หมู่ 5 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ หลังรับผู้โดยสาร 107 คน พร้อมลูกเรือ 8 คน รวม 115 คน จากอ่าวไร่เลย์ เดินทางไป จ.ภูเก็ต เมื่อบ่ายวันที่ 8 เม.ย. ทำให้ต้องอพยพผู้โดย สารหนีตายอย่างโกลาหลโชคดีทุกคนปลอดภัย แต่ ด.ญ.ซานิ มารีล อายุ 12 ขวบ สัญชาติอิสราเอล สูญหายไป 1 คน จนกระทั่งพบว่า ใกล้กาบเรือด้านซ้ายพบร่าง ด.ญ.ซานิ ผู้เคราะห์ร้ายถูกไฟไหม้ทั้งตัว ส่งต่อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผ่าพิสูจน์และตรวจสอบดีเอ็นเอเนื่องจากบิดามารดายังทำใจไม่ได้ ไม่กล้ามายืนยันศพลูก ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุไฟไหม้ ซึ่งต้องรอกู้ซากเรือขึ้นมาตรวจพิสูจน์ รวมทั้งรอเอกสารหลักฐานการซ่อมบำรุงจากผู้ประกอบการ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรในห้องเครื่องก่อนเกิดประกายไฟลุก ลามชั้นบนเรือ ขอแสดงความเสียใจกับครอบ ครัวผู้เสียชีวิตด้วย จะกำชับผู้ประกอบการเดินเรือทุกรายให้เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก
+++พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผบก.ภ.จว.กระบี่ เปิดเผยว่า ได้เชิญนายวิรัช จิตราทร อายุ 51 ปี กัปตัน และนายสมหาย สายชู อายุ 31 ปี ช่างเครื่องมาสอบปากคำ ทั้งคู่ให้การว่า เมื่อพบควันไฟในห้องเครื่องพร้อมไฟไหม้จึงให้ลูกเรือระดมดับไฟประมาณ 5 นาที แต่เอาไม่อยู่ กัปตันเรือจึงแจ้งลูกเรืออพยพผู้โดยสารทั้งหมด โดยวางทุ่นยางกว่า 10 อัน ให้สวมเสื้อชูชีพโรยตัวลงน้ำ พร้อมประสานเรือด่วนมารับผู้โดยสารภายใน 8 นาที เมื่อขึ้นฝั่งไปแล้วถึงพบมีผู้สูญหาย 1 คน เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากความประมาทของคน ขับเรือหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย ต้องรอกู้ซากเรือมาตรวจสอบก่อน ส่วนค่าเสียหายมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท นอกจากนี้ ทยอยสอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่แจ้งความทรัพย์สินสูญหาย คาดว่าทรัพย์สินน่าจะจมลงทะเลหมดแล้ว
+++คดีคนร้ายหลอกลวงญาติพยาบาล ที่มีปัญหากับแฟนและฉีดย่าฆ่าตัวตาย และหลอกเอาเงินประกันชีวิต กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ณต เศวตเลข รองผบก.ป. พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.กก.2 บก.ป. จับ นายกิตติเมธี หรือ สมชาย แซ่โค้ว อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/41 หมู่ 7 ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น หลังจับกุมตัวได้ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ต้องหารายนี้ได้โทรศัพท์ไปยังญาติของผู้ตาย อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิต และยังบอกด้วยว่าผู้เสียชีวิตทำประกันชีวิตเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ชำระเบี้ยประกันงวดล่าสุด ญาติจะต้องโอนเงินมาให้บริษัท เพื่อเป็นค่าดำเนินการต่างๆ จำนวน 6,500 บาท เมื่อญาติของผู้ตายหลงเชื่อ นายกิตติเมธี ก็ให้ญาติโอนค่าดำเนินการมาเข้าบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชีของตัวเอง หลังจากโอนแล้วก็จะจัดการค่าสินไหมทดแทน จากกรณีเสียชีวิตของผู้เอาประกัน จำนวน 5 แสนบาท และส่งมอบคืนให้กับทางญาติที่หลงเชื่อ ปรากฏว่าหลังจากโอนเงินไปให้แล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา จึงเชื่อว่าถูกหลอก จึงพากันเข้าแจ้งความที่ สภ.ท่าวังผา จากนั้นได้ประสานให้ตำรวจกองปราบปราม ช่วยติดตามจับกุมตัว เนื่องจากทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยถูกกองปราบปรามจับกุมมาแล้ว เมื่อปี 2553 ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกชุดสืบสวนของ กก.1 บก.ป.จับกุม และถูกชุดสืบสวนของ กก.2 บก.ป. จับกุมอีกครั้งเมื่อปี 2557 โดยพบพฤติกรรมแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดี จนต้องโทษจำคุก เมื่อปี 2554 และปี 2557 หลังพ้นโทษก็ออกมาก่อเหตุอีก และยังถูกศาลจังหวัดพิจิตร ศาลจังหวัดนราธิวาส และศาลจังหวัดลพบุรี ออกหมายจับในคดีฉ้อโกง อีกด้วย
+++ จาการสอบสวนนายกิตติเมธี รับสารภาพว่า จะหาซื้อหนังสือพิมพ์ รายวันมาหาข่าวว่าที่ใดมีเหตุการณ์ผู้เสียชีวิต เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะโทรศัพท์บริการสอบถามเบอร์โทรศัพท์ญาติผู้ตาย ที่ทำงาน รวมทั้งจากหน่วยงานปกครองท้องถิ่น เพื่ออ้างตัวเป็นพนักงานบริษัทประกันชีวิตหลอกว่า ผู้เสียชีวิตทำประกันไว้ ขอให้ทางญาติโอนเงินค่าดำเนินการ แล้วจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดให้ เมื่อมีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารก็จะปิดโทรศัพท์หลบหนี โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เลือกเหยื่อตามต่างจังหวัด เพราะหลอกลวงได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังหลอกลวงว่าเป็นเจ้าของโต๊ะจีนที่นำมาจัดงานแล้วเรียกเก็บเงินกับเจ้าของงาน ก่อนเชิดเงินหนีไป เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาฉ้อโกง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Cr.61ข่าวภัยทั่วไทย