การติดตามการดำเนินงานของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาสในช่วงบ่าย ของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และ หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. พร้อมคณะ
นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง รายงานให้เห็นถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขว่า พื้นที่นี้มีปัญหาดินเปรี้ยว การก่อตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ตามพระราชดำริฯ เมื่อปี 2525 โดยมีพื้นที่ดำเนินงานกว่า 1,740ไร่ เพื่อศึกษา วิจัยแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว ที่ส่งผลกระทบทำให้เกษตรสามารถปลูกพืชได้เพียงไม่กี่ชนิด เช่น ข้าว พืชผักสวนครัว เป็นต้น รวมถึงเมื่อผลผลิตออกมาก็ได้ในปริมาณที่ไม่มาก แต่ภายหลังจากที่มีโครงการพระราชดำริฯ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ทางศูนย์ก็ได้มาศึกษาวิจัย แก้ปัญหาดินเปรี้ยวจนสำเร็จ และมีการออกไปสอน แนะนำแก่เกษตรกร จนสามารถปลูกผลผลิตได้จำนวนที่เพิ่มขึ้นมาก นอกจากนั้นศูนย์ก็ยังพัฒนาต่อยอดในการทดลอง และพัฒนา ปลูกพืชชนิดอื่นๆ นอกจากที่เกษตรกรแถบนี้ปลูกอยู่ เช่น ข้าวโพดหวาน อ้อยคั้นน้ำ ผักกูด เงาะ มะพร้าว ส้มโอ และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ หรือจังหวัดอื่นๆที่ประสบปัญหาดินเปรี้ยว หรือต้องการความรู้ในการปลูกพืชชนิดต่างๆ มาศึกษาเรียนรู้เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด จนปัจจุบันทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีคุณภาพชีวิต และรายได้ที่ดีขึ้นมาก
ด้านนางพรพรรณ หะยะมิน เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เล่าให้ฟังว่า ก่อนเมื่อที่จะมีโครงการตัวเองและครอบครัวปลูกข้าว เป็นหลัก และมีพืชผักสวนครัวบ้าง แต่ได้ผลผลิตในปริมาณที่น้อย และได้ค่าตอบแทนหลังเก็บเกี่ยวไม่มากเท่าไหร่ แต่พอเมื่อมีโครงการในพระราชดำริฯ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ทางศูนย์ฯก็ได้เข้ามาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว รวมถึงมีการสอนวิธีการปลูกพืชชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้นให้ควบคู่ไปในพื้นที่เดียวกัน เพื่อที่จะได้สามารถเก็บผลได้ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้น
วิรวินท์