โฆษก ตร.เผยตรวจกล้อง 3 จุด ไม่พบดาราสาวไต้หวันจ่ายเงินตำรวจ

27 มกราคม 2566, 14:30น.


           ความคืบหน้าการคลี่คลายปมข้อสงสัย กรณีดาราสาวชาวไต้หวัน อ้างว่าถูกตำรวจไทยตั้งด่านรีดไถเงิน



           ล่าสุด พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจได้หลักฐานสำคัญ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก จำนวน 3 กล้อง  จุดแรก บริเวณด้านหน้าสถานทูตจีน   จุดที่ 2 บริเวณสะพานลอย ซึ่งกล้องตัวนี้จะส่องเข้าไปในซอยที่ดาราสาวอ้างว่า เป็นตำแหน่งที่เดินเข้าไปจ่ายเงินให้ตำรวจ  และจุดที่ 3 บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 13  โดยภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 จุด  พบว่า ดาราสาวไต้หวันมากับเพื่อนชายอีก 3 คน  เรียกใช้บริการแกร็บเป็นรถมาสด้า 2 สีแดง ขับเข้ามาที่ด่านตรวจเวลา 02.27 น.  



         ตำรวจได้เชิญผู้โดยสารลงจากรถแกร็บไปยืนบนถนน และย้ายไปอยู่บนทางเท้า ใช้เวลาพูดคุยสื่อสารกันพักใหญ่  จากนั้นมีรถแท็กซี่สีส้มขับพากลุ่มดาราสาวออกไปจากด่านจุดเกิดเหตุ ภาพจากวงจรปิดทั้ง 3 ตัว ยังไม่เห็นว่าดาราสาวและพวกเข้าไปในซอย เพื่อจ่ายเงินให้กับตำรวจตามที่กล่าวอ้าง แต่ประเด็นนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง สำหรับแท็กซี่สีส้มที่รับกลุ่มดาราสาวออกไปจากด่าน ขณะนี้ทราบบริษัทต้นสังกัดแล้วอยู่ระหว่างประสาน เพื่อติดตามตัวคนขับมาให้ข้อมูล  นอกจากนี้จะนำกล้องหน้ารถของแกร็บคาร์มาตรวจสอบด้วย



       นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้  inbox ไปยัง Instagram และช่องทาง Social ส่วนตัวของดาราสาวไต้หวัน เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม  เบื้องต้นเจ้าตัวเปิดอ่านและตอบกลับ โดยส่งแค่โลเคชันจุดเกิดเหตุมาให้เจ้าหน้าที่ไทยเท่านั้น ส่วนข้อมูลอื่นๆเจ้าตัวแจ้งว่าจะให้ผ่านตำรวจไต้หวัน ซึ่งประสานไปยังสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางไต้หวัน เพื่อขอข้อมูลแล้ว มั่นใจว่าเรื่องนี้จะชัดเจนและได้ข้อยุติใน 1-2 วันนี้



       ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบสถานที่พักของดาราสาวไต้หวัน เบื้องต้นพบว่าระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึง 2 มกราคม 2566 พักอยู่ที่โรงแรมย่านทองหล่อ จากนั้นเช็กเอาท์มาเข้าพักที่ย่านพระราม 9 ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2566 กระทั่งเดินทางกลับออกไปในช่วงเย็นของวันที่ 5 มกราคม 2566 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ



        ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างโดยเร็ว  ซึ่งหากเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริง ก็ต้องดำเนินคดี และต้องแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ แต่หากสืบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้รีดทรัพย์อย่างที่ดาราสาวกล่าวอ้าง หรือพบว่าเป็นการจงใจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย  ก็จะต้องดำเนินคดีกับดาราสาวไต้หวัน เช่นกันในข้อหาให้การเท็จ  ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย  เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดี ก็สามารถที่จะประสานความร่วมมือกับสถานทูตในไทยได้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก  สามารถตรวจสอบได้  หากเจ้าตัวไม่ออกมาให้ข้อมูลหรือพยานหลักฐานกับทางเจ้าหน้าที่ของไทย  ตำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุก็จะสามารถไล่กล้องวงจรปิด และตรวจสอบตารางเวรในคืนดังกล่าว เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ดำเนินคดีกับดาราสาวได้ หากชุดสืบสวนของนครบาลทำงานไม่คืบหน้า ตนก็พร้อมที่จะเข้ามาสืบสวนด้วยตัวเอง



        ขณะที่ดาราสาว อันหยูชิง โพสต์สตอรีผ่านไอจีส่วนตัวล่าสุด โดยแชร์ภาพข่าวของตัวเอง และโพสต์ยืนยันว่า “เธอไม่ได้ดื่มเลย” เธอยังโพสต์อีกว่า “ฉันจะบอกทุกคน หลังจากที่ฉันได้คุยกับตำรวจอินเตอร์โพลเสร็จแล้ว / ตอนนี้ตำรวจไทยที่ไม่ใสสะอาด ต้องการใช้ฉันเพื่อให้พวกเขาบริสุทธิ์ เพราะมันขัดผลประโยชน์ของพวกเขา? เลิกพูดจาไร้สาระเถอะ!”



        ส่วนภาพที่ 2 เป็นข้อความภาษาจีน มีเนื้อหาว่า “วันนั้นถนน 4 เลนถูกปิดหมดและไม่ได้มีแค่ตำรวจแค่ 7 นาย  ฉันจำคนที่รีดเงินฉันได้ชัดเจน  เขาบอกว่าไม่มีการซุ่มตรวจในวันนั้น แล้วก็ไม่ได้เอาเงินไป?  แล้วทำไมถึงไม่เอาภาพจากกล้อง CCTV มาเปิดให้ดูละ? แล้วก็ยังมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ เอาฉันมาเป็นเป้าแบบนี้ แล้วก็ยัดของกลางใส่ฉัน?  ฉันรู้สึกถูกคุกคามนิดหน่อยนะ เพราะมีคนที่อ้างว่าตัวเองเป็นตำรวจหลายคนมาก มาติดต่อฉันก็เลยหัวเสียนิดหน่อย”





#ดาราไต้หวันถูกตำรวจรีดไถเงิน

ข่าวทั้งหมด

X