ธนาคารโลก คาดส่งออก ดึงเศรษฐกิจกลุ่มประเทศEAPเติบโต-ไทยฟื้นตัวช้ารอท่องเที่ยว

          หลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกหรือ EAP เติบโตชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในปี 2565 สู่ร้อยละ 3.2  ต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าถึง ร้อยละ1.2 ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลจากจีน ซึ่งเติบโตชะลอตัวลงอย่างรุนแรงสู่ ร้อยละ2.7 ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วถึงร้อยละ 1.6 โดยจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ85 ของ GDP ในภูมิภาค EAP

          หากไม่นับรวมจีน เศรษฐกิจภูมิภาค EAP เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สู่ระดับร้อยละ5.6 ในปี 2565 โดยกิจกรรมเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่อั้นไว้มานาน เนื่องจากหลายประเทศยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อสกัดโรคโควิด-19

          ธนาคารโลกระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดในเดือนนี้ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) จะเติบโตร้อยละ 4.3 ในปี 2566 และเติบโตขึ้นร้อยละ 4.9 ในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่กระเตื้องขึ้นในมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย และเวียดนาม โดยประเทศเหล่านี้ยังได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

          เศรษฐกิจภูมิภาค EAP มีแนวโน้มเติบโตที่ร้อยละ 4.3 ในปีนี้ เนื่องจากการผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 ช่วยให้กิจกรรมเศรษฐกิจในจีนฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วว่าจะขยายตัวกว่าร้อยละ 5 ในปี 2566 และหากไม่นับรวมจีน เศรษฐกิจภูมิภาค EAP มีแนวโน้มเติบโตร้อยละ  4.7 ในปีนี้

          คาดว่า เศรษฐกิจมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกในตลาดสำคัญ ๆ ชะลอตัว โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะเติบโตร้อยละ 4.0 ในปีนี้ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเติบโตร้อยละ5.4 และเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตร้อยละ 6.3

          ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจไทยกลับมีแนวโน้มเติบโตเพียงร้อยละ 3.6 ในปีนี้ สะท้อนการฟื้นตัวที่ล่าช้าในภาคที่ต้องอาศัยการติดต่อใกล้ชิดเป็นหลัก เช่น การท่องเที่ยวและการขนส่ง

#ธนาคารโลก

#เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้