นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้จัดทีมสอบสวนอุบัติเหตุจากส่วนกลาง ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ที่บรรทุกผู้โดยสารจากจังหวัดอำนาจเจริญเข้ากรุงเทพมหานคร ประสบอุบัติเหตุชนการ์ดเรล หรือรั้วกั้นทาง ตกร่องกลางถนนและเกิดไฟลุกไหม้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณถนนมิตรภาพ หลักกิโลเมตร ที่ 100 ขาเข้า กรุงเทพมหานคร ต. มิตรภาพ อ. สีคิ้ว จ. นครราชสีมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
จากการตรวจสอบพบว่า สภาพถนนจุดเกิดเหตุ มีลักษณะเป็นถนน 8 ช่องจราจร มีการ์ดเรลและร่องกลางถนนแบ่งช่องทางจราจร เป็นเนินและมีจุดกลับรถ ส่วนรถตู้ที่ประสบเหตุ เป็นรถใช้เชื้อเพลิง CNG สลับเบนซิน จำนวน 13 ที่นั่ง ตรวจสภาพครั้งสุดท้าย 27 ต.ค. 65 สิ้นอายุภาษี 31 มีนาคม 2566
จากการตรวจข้อมูลในระบบ GPS ความเร็วของรถก่อนเกิดเหตุ อยู่ที่ 82 กม./ชม. สภาพรถเกิดเพลิงไหม้สิ้นเชิง สภาพตัวรถโดยทั่วไปทั้งด้านซ้ายและขวาไม่พบรอยกระแทก สำรวจที่ด้านหน้ารถพบรอยฉีกขาดหลายแห่ง คือ บริเวณกันชนกับสแตนเลส , คานเหล็กด้านในของกันชนด้านหน้า , บริเวณด้านล่างประมาณกึ่งกลางตัวรถทะลุเข้าไปในตัวรถ , ฝากระโปรงด้านบนไม่พบความเสียหายจากการกระแทก , สำรวจใต้ท้องรถ เพื่อตรวจสอบสภาพถังน้ำมันเชื้อเพลิง ขนาดความจุเบนซิน 76 ลิตร พบรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นแนวตามยาวของตัวรถ
จากการตรวจสอบระบบเชื้อเพลิง CNG พบสภาพหัวถังยังคงสมบูรณ์ , ท่อก๊าซไม่ฉีกขาด , สภาพถัง Type II ไฟเบอร์ที่ใช้สำหรับเสริมแรงถูกไฟไหม้เสียหายเล็กน้อย , ยางรถยังใหม่และดอกยางยังลึกอยู่ , ระบบบังคับเลี้ยวอยู่ในสภาพดี ไม่พบความผิดปกติของระบบช่วงล่างอื่นๆ , ติดตั้งที่นั่งทั้งหมดจำนวน 13 ที่นั่ง ตามที่ปรากฏในเล่มทะเบียน , มีค้อนทุบกระจกติดตั้งครบ , มีทางออกฉุกเฉินที่ด้านท้ายของตัวรถ สภาพที่นั่งและอุปกรณ์ตกแต่งภายในถูกไฟไหม้สิ้นเชิง ตัวถังรถถูกตัดออกเพื่อเก็บกู้ศพหลังจากการเกิดอุบัติเหตุ จึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่า รถตู้โดยสารคันดังกล่าวได้ขับออกจากจังหวัดอำนาจเจริญตั้งแต่เวลา 12.00 น. โดยประมาณ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณจุดกลับรถ “มอจะบก” รถได้เบนออกจากเส้นทางหลักและปีนคร่อมราวเหล็กเกาะกลางถนน (Guard Rail) ปลายจุดกลับรถ
โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ ได้เรียกผู้ประกอบการรถตู้โดยสารไม่ประจำทางคันดังกล่าว มาสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ดำเนินการตามเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการหรือไม่และสั่งให้ผู้ประกอบการนำรถตู้โดยสารที่อยู่ในใบอนุญาตประกอบการทั้งหมด มาตรวจสภาพความพร้อมของรถทุกคัน รวมทั้งให้อบรมพนักงานขับรถเพื่อซักซ้อมการให้บริการและความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก
นอกจากนั้นได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) นำเงินเยียวยาค่าสินไหมทดแทนไปมอบให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 1,100,000 บาท และหากพบมีการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกจะได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิดต่อไป
#รถตู้ไฟไหม้