นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (23 ม.ค.66) พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้แล้ว หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565
ซึ่งจะมีผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ จำนวน 29 ราย ที่จะได้รับการปล่อยตัว โดยจะทยอยปล่อยตัวตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.-31 ม.ค.66 และต้องถูกควบคุมตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการกระทำผิดซ้ำ โดยเบื้องต้น จะขอศาลสั่งให้ติดกำไลอีเอ็มในผู้ต้องขังที่พ้นโทษได้รับการปล่อยตัวทุกคน รวมทั้งกําหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่เฝ้าติดตามกลุ่มบุคคลเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยแก่สังคมและประชาชนมากยิ่งขึ้น
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า การออกกฎหมายฉบับนี้ เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ที่พ้นโทษออกไปแล้ว ไปก่อคดีร้ายแรงซ้ำอีก และอาจจะนำไปสู่แนวทางที่ไม่มีโทษประหารชีวิต เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับสาระสำคัญของพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 กำหนดให้มีมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดที่พ้นโทษแล้ว หากมีเหตุให้เชื่อว่านักโทษเด็ดขาดจะกระทำความผิดซ้ำภายหลังพ้นโทษ ศาลอาจมีคำสั่งกำหนดมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษได้ เช่น ห้ามเข้าใกล้ผู้เสียหาย ห้ามทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด ห้ามเข้าเขตกำหนด ห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ห้ามก่อให้เกิดอันตรายต่อละแวกชุมชนที่ตนพักอาศัย ให้พักอาศัยในสถานที่ที่กำหนด เป็นต้น
การคุมขังฉุกเฉิน ในกรณีมีเหตุเชื่อได้ว่า ผู้ต้องขังที่พ้นโทษและอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง จะกระทำความผิดซ้ำและมีเหตุฉุกเฉินที่ไม่มีมาตรการอื่นป้องกันได้ ศาลอาจสั่งคุมขังฉุกเฉินผู้ถูกเฝ้าระวังได้ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
นอกจากนี้ยังมีมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด เช่น พนักงานอัยการมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ใช้มาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อป้องกันไม่ให้กระทำความผิดซ้ำ ด้วยมาตรการทางการแพทย์ หรือมาตรการอื่นๆ ที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมกำหนดในกฎกระทรวง
#กฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ