ปี 2565 ชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายกว่า 21,000 ราย ส่วนใหญ่คือผู้รับบำนาญหรือว่างงาน

          กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ของญี่ปุ่น รายงานสถิติการฆ่าตัวตายซึ่งอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานตำรวจ พบว่า ในปี 2565 มีชาวญี่ปุ่น ฆ่าตัวตาย 21,543 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในปี 2564 และมีข้อสังเกตคือ มีผู้ชายฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี คือมีจำนวน 14,543 ราย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ชายในช่วงอายุ 40 ถึง 60 ปี รวมถึงผู้รับบำนาญหรือผู้ว่างงาน

          ส่วนการฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้หญิงลดลง คือมีจำนวน 7,041 ราย แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าในช่วงที่เกิดโรคระบาดที่อยู่ในระดับประมาณ 1,000 ราย

          และการฆ่าตัวตายของนักเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย ลดลงมาอยู่ที่ 441 ราย

          ในปี 2565 การฆ่าตัวตายในหมู่ผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 1,038 คน ในขณะที่กลุ่มคนที่ไม่มีเงินบำนาญหรือสวัสดิการจากการจ้างงานมีจำนวน 5,347 คน

          แรงจูงใจที่ถูกอ้างถึงมากที่สุดคือปัญหาด้านสุขภาพ จำนวน 11,125 คน รองลงมาคือปัญหาครอบครัว 4,214 คน

          ญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายลดลงเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกันจนถึงปี 2562 ซึ่งมีการฆ่าตัวตาย 20,169 ราย แต่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่มีโรคระบาดในปี 2563 นางจิโยะ อิการาชิ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโตเกียว และผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการฆ่าตัวตาย กล่าวว่า ปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ถดถอยจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเป็นแรงกดดันที่สำคัญต่อการตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งนอกจากนี้ยังมีความจำเป็นที่ต้องจัดการกับปัญหาขาดแคลนพยาบาลและแพทย์อาชีวอนามัยในบริษัทขนาดเล็กถึงขนาดกลางด้วย

…..

#ญี่ปุ่น

#ฆ่าตัวตาย