กรมสรรพสามิตสั่งพักงาน-ตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่รีดเงินนักธุรกิจจีน

19 มกราคม 2566, 14:54น.


         ความคืบหน้ากรณีนักธุรกิจชาวจีน แจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่าถูกชายฉกรรจ์ 3 คน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้ามาตรวจค้นในร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ในซอยอู่ทอง 37/2 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ แล้วจับผู้จัดการร้านกับลูกน้องชาวเมียนมาไปเรียกรับเงิน 3 แสนบาท แลกกับการปล่อยตัว และมีการต่อรองนัดมอบเงินจำนวน 5 หมื่นบาท บริเวณปั๊มน้ำมันข้างโรงเรียนนายเรือ แต่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ซ้อนแผนจับกุมตัวทั้ง 3 คนได้ โดยพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจริง 2 คน ส่วนอีกคนเป็นพลเรือน



            ล่าสุด ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหากับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต 2 ราย ใน 3 ข้อหา  คือ เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ โทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต / ข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ / และข้อหาที่ 3  กรรโชกทรัพย์ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญฯ โทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท



            ส่วนผู้ต้องหาอีกรายที่เป็นพลเรือน ถูกแจ้งข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ กระทำความผิด เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การภาคเสธและได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนไปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยวางหลักรัพย์ เป็นเงินสดคนละ 150,000 บาท  แต่พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน นำส่ง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และจะสอบสวนติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลือตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดมาเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



           นายณัฐกร อุเทนสุต โฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า  ในการเข้าตรวจค้นจับกุมร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมพบฐานความผิดในร้านดังกล่าวเป็นสินค้าแบตเตอรี่ ประเภทแบตเตอรี่มือถือ จำนวน 465 ก้อน ตามข้อกฎหมาย มาตรา 204 ขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้า ที่มิได้เสียภาษี โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5-15 เท่าของค่าภาษี ซึ่งเจ้าของร้านให้การสารภาพและยอมรับความผิด  มีการเปรียบเทียบปรับ จำนวน 80,101.48 บาท และค่าภาษี 16,020.30 บาท



             แต่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบในการจับกุมตรวจค้น รวมถึงประเด็นในเรื่องของการเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย กรมสรรพสามิตจึงแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่ามีการประพฤติมิชอบหรือไม่  โดยในเบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวพักงานและหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและรายงานผลให้ทราบภายใน  5 วัน หากพบว่ากระทำผิดจริง กรมสรรพสามิตจะดำเนินการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป



             กรมสรรพสามิตขอให้ข้อมูลว่า ตามขั้นตอนของระเบียบในการจับกุมตรวจค้นนั้น เจ้าหน้าที่ต้องแสดงตัว โดยแต่งเครื่องแบบกรมสรรพสามิตหรือแสดงบัตรข้าราชการในขณะปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อจับกุมแล้วต้องทำบันทึกจับกุม โดยกรณีค่าปรับไม่เกิน 50,000 บาท สามารถปรับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ได้เลย กรณีค่าปรับเกิน 50,000 บาท ต้องไปลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวผู้ต้องหามาปรับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ต่อไป  หากประชาชนพบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่สรรพสามิต หรือพบการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1713  



...



#สรรพสามิต



#รีดเงินนักธุรกิจจีน



 

ข่าวทั้งหมด

X