องค์กรการกุศลออกซ์แฟม เผยแพร่รายงาน “ความอยู่รอดของผู้ร่ำรวยที่สุด” (Survival of the Richest) ในการประชุมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ระบุ ว่ากลุ่มคนร่ำรวยสุดของโลกร้อยละ 1 ครอบครองความมั่งคั่งใหม่เกือบ 2 ใน 3 ของมูลค่า 42 ล้านล้านดอลลาร์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2563 ถึง 2565 ส่งผลให้ภาวะร่ำรวยสุดขั้วและยากจนสุดขีดเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
นางกาเบรียลา บูเชอร์ กรรมการบริหารออกซ์แฟม อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่าขณะที่คนจำนวนมากพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นอย่างอาหาร แต่กลุ่มซูเปอร์ริชกลับครอบครองทุกอย่าง ซึ่งกลุ่มมีความเห็นว่าการเก็บภาษีอย่างเป็นระบบคือทางออกที่ดีสำหรับการแก้ไขวิกฤตที่ทับซ้อนกัน การลดภาษีให้คนรวยสุดและบริษัทคือการเพิ่มความเหลื่อมล้ำ จึงควรหยุดแนวคิดที่ว่าการลดภาษีให้กับกลุ่มมั่งคั่งจะส่งผลให้ความมั่งคั่งของพวกเขาไหลลงไปถึงคนอื่นๆ เพราะเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าความมั่งคั่งของเหล่าอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ หลายปีช่วงโควิด-19 ระบาดและวิกฤตค่าครองชีพ ตั้งแต่ปี 2563 ความมั่งคั่ง 26 ล้านล้านดอลลาร์หรือร้อยละ 63 ของความมั่งคั่งใหม่ทั้งหมดตกอยู่ในมือคนรวยสุดร้อยละ 1 ขณะที่อีก 16 ล้านล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 37 เป็นของส่วนที่เหลือรวมกัน
ในแต่ละวัน อภิมหาเศรษฐีรวยขึ้น 2,700 ล้านดอลลาร์ ต่อยอดความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในรอบหนึ่งทศวรรษ ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตรา 2 เท่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2565 ด้วยผลกำไรจากอาหารและพลังงานที่มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทอาหารและพลังงาน 95 แห่ง มีกำไรกว่า 2 เท่าในปี 2565
ในเวลาเดียวกันคนงานอย่างน้อย 1,700 ล้านคนใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่เงินเฟ้อสูงเกินค่าจ้าง
กว่า 820 ล้านคน หรือราว 1 ใน 10 ของประชาชนบนพื้นโลกกำลังหิวโหย ผู้หญิงและเด็กมักรับประทานน้อยที่สุดและทีหลังสุด คิดเป็นเกือบร้อยละ 60 ของประชากรหิวโหยในโลก ซึ่งธนาคารโลก เพิ่มเติมว่า ความเหลื่อมล้ำและยากจนทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศยากจนที่สุดกำลังจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพถึง 4 เท่า ขณะที่ 3 ใน 4 ของรัฐบาลทั่วโลกวางแผนลดการใช้จ่ายภาครัฐ ด้านสาธารณสุขและการศึกษาตลอด 5 ปีข้างหน้า
….
#ออกซ์แฟม
#WEF
แอตต้า แนะรัฐเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ด้านความปลอดภัยและเป็นธรรม ให้นทท.แก้ข่าวลบไม่ให้ขยายวงกว้าง
สมเด็จพระสังฆราช ทรงล้มขณะทรงพระดำเนิน แพทย์วินิจฉัยไม่มีพระอาการอันเป็นที่น่าวิตก
บริษัทนาฬิกาสวิสขออภัย หลังแพร่โฆษณาแสดงท่าตาตี่ ชาวเน็ตจีนไม่พอใจ
ข่าวทั้งหมด
