ประเด็นตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ ตำรวจ 191,เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทหาร และล่ามแปลภาษา นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีพฤติกรรมเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่ชุดจับกุมกลับเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินเกือบ 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหมด จนกระทั่งผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศได้
วันนี้ (16 ม.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ที่อ้างว่าได้รับการรับรองจากสถานกงสุลประเทศนาอูรูประจำประเทศไทย ให้เป็นบ้านพักของกงสุลใหญ่ แต่กลับมีเบาะแสว่า พบชาวจีนเข้าออกบ้านหลังนี้อย่างพลุกพล่าน เจ้าหน้าที่นำหมายศาลเข้าตรวจค้น และพบชาวจีน 11 คน ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีแดง ในฐานะผู้หนีคดี พร้อมพบเงินสดกว่า 8 ล้านบาท และพบว่า บ้านหลังนี้เป็นแหล่งทำวีซ่าปลอมให้กับชาวจีน แต่ชุดจับกุม กลับรายงานการตรวจค้นว่า พบคนจีนผู้ก่อเหตุเพียง 1 ราย และเงินสด 2.5 ล้านบาทเท่านั้น
แต่เรื่องมาแตก เพราะวันที่ 27 ธ.ค.2565 หรือหลังวันตรวจค้น 5 วัน ล่ามภาษาจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย และอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของไทยด้วย ได้พยายามหนีออกนอกประเทศไปมาเลเซีย แต่ถูกควบคุมตัวได้ จึงยอมรับสารภาพทั้งหมดว่า ตำรวจได้สมคบคิดกับล่ามชาวจีน ยักยอกของกลางเป็นเงินสด 5.5 ล้านบาท พร้อมเจรจาเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มอีก 4 ล้านบาท รวมเป็น 9.5 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัย 11 ราย รวมทั้งมีการถอดกล้องวงจรปิด และเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดในบ้านหลังดังกล่าว เอาไปทำลาย แทนที่จะส่งเป็นของกลาง แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ติดตามจนพบ และสามารถกู้ภาพกลับมาได้แล้ว
คดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และล่ามแปลภาษา รวม 16 คน โดยหลังจากนี้ จะสอบปากคำและตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าหน้าที่แต่ละชุดที่ไปออกปฏิบัติหน้าที่ มีใครเป็นผู้สั่งการ และมีบันทึกประจำวันของการออกไปปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน และประวัติการให้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาทั้งหมด อีกทั้งยังต้องขอความร่วมมือจากอดีตกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเป็นผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าว ว่าเหตุใดคนจีนกลุ่มนี้ถึงได้เข้ามาพักอาศัยได้ แต่เบื้องต้น ผู้ต้องหาชาวจีน 11 คน ที่หลบหนีไปนั้น ไม่ใช่กลุ่มทุนจีนสีเทาเครือข่ายนายตู้ห่าว ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จะเกี่ยวข้องกับคดีปล้นบ้านคนจีนในจังหวัดชลบุรีหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ด้านนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอ ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการ มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว หากพบว่ามีมูลจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าทั้งดีเอสไอ และตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกัน นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดออก ยอมรับว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ก่อเหตุในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น
ส่วนตำรวจ 191 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ระบุว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ข้าราชการตํารวจ จํานวน 9 นายแล้ว พร้อมกับมีคำสั่งให้ขาดจากตำแหน่งเดิม
#สินบน
#ตำรวจผิด