ความคืบหน้าการกู้ภัยของเจ้าหน้าที่กู้ภัย 300 คนของเนปาลในวันนี้ หลังเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กรุ่น เอทีอาร์ 72-500 ของสายการบินเยติ แอร์ไลนส์ ของเนปาล ประสบอุบัติเหตุตก ขณะลงจอดที่สนามบินเมืองโปขรา ทางภาคกลางของประเทศ เมื่อเช้าวานนี้ (15 ม.ค.66) หลังบินมาจากกรุงกาฐมาณฑุ ทำให้เกิดไฟไหม้และเครื่องบินแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีคนบนเครื่องบิน 72 คน (ผู้โดยสาร 68 คน และลูกเรือ 4 คน) ทีมกู้ภัยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 68 ราย อยู่ระหว่างค้นหาอีก 4 คน
บีบีซี รายงานอ้างนายเท็ค ปราสาด ไร โฆษกสำนักงานตำรวจของเนปาลว่า ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต หลังอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งร้ายแรงที่สุดของเนปาลในรอบ 30 ปีเมื่อวาน เริ่มเลือนรางลงไปทุกขณะ ระบุว่า มาถึงขณะนี้ไม่น่าจะมีผู้รอดชีวิต ที่ผ่านมา ทีมกู้ภัยพบชิ้นส่วนศพกระจายอยู่ทั่วจุดเกิดเหตุ สำหรับเมืองโปขราอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกราว 129 กิโลเมตร
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เนปาล ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุ แต่มีภาพคลิปวิดีโอทางเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีคนโพสต์ทางสื่อออนไลน์ของเนปาล แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินเสียการทรงตัว พลิกเอียง ขณะบินเข้าใกล้สนามบิน จนกระทั่งชนเนินดินบริเวณหุบเขาริมแม่น้ำเซติ ห่างจากสนามบินราวหนึ่งกิโลเมตร
ด้านซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายภิสณุ เพาเดล โฆษกรัฐบาลเนปาลว่า นายกรัฐมนตรีปุษปกมล ทาหาล ของเนปาล มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง ซึ่งมีกรรมการ 5 คนเป็นสมาชิก ทำการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ และให้นำเสนอผลสอบสวนต่อรัฐบาลภายใน 45 วัน
สำหรับคนบนเครื่องบินสำนักงานการบินพลเรือนของเนปาล เปิดเผยว่า มีชาวเนปาล 57 ราย คือ ผู้โดยสาร 53 ราย ในจำนวนมีเด็กด้วยและลูกเรือ 4 ราย อีก 15 รายเป็นชาวต่างชาติ คือ ชาวอินเดีย 5 ราย ชาวรัสเซีย 4 ราย ชาวเกาหลีใต้ 2 ราย ที่เหลือเป็นพลเมืองชาติละหนึ่งรายจากออสเตรเลีย อาร์เจนตินา ฝรั่งเศสและไอร์แลนด์ สำหรับเครื่องบินดังกล่าวผลิตโดยบริษัท ATR ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนฝรั่งเศส-อิตาลี เป็นเครื่องบินแบบใช้เครื่องยนต์เทอร์โบใบพัด 2 ตัว
เนปาล มีภูเขาสูง 8 แห่งจากจำนวนภูเขาสูงที่สุดในโลก 14 แห่ง รวมถึงภูเขาเอเวอเรสต์ สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 8,848 เมตร เคยเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินมาหลายครั้งจากสาเหตุต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของอากาศ และที่ตั้งของสนามบินส่วนใหญ่อยู่ใกล้ภูเขา ทำให้การควบคุมเครื่องบินลงจอดและขึ้นบินทำได้ลำบาก
#เนปาล
#เครื่องบินตก