ขยายผลบุกจับคลินิกใช้ซิลิโคนเถื่อนทำศัลยกรรมความงาม

16 มกราคม 2566, 11:29น.


        ตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ขยายผลทลายเครือข่ายใช้ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน ในคลินิกเสริมความงามรายใหญ่ ยึดของกลางกว่า 16,164 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,932,000 บาท



        คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2565 ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโรงสีร้างในพื้นที่ ต.วังหว้า อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี  ซึ่งเป็นฐานการลักลอบผลิตชิ้นส่วนซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูกและหน้าผาก เพื่อกระจายไปยังคลินิกต่างๆ ทั่วประเทศ  ซึ่งการตรวจค้นครั้งนั้น สามารถยึดเครื่องจักรสำหรับผลิตซิลิโคนจมูกและหน้าผาก, แม่พิมพ์ซิลิโคนทรงต่างๆ จำนวน 68 แบบ, ซิลิโคนเสริมจมูกและหน้าผากสำเร็จรูป จำนวน 1,098 ชิ้น และอุปกรณ์ส่วนควบในการผลิตซิลิโคนศัลยกรรมกว่า 16 รายการ มูลค่าความเสียหาย 3,500,000 บาท พร้อมกับดำเนินคดีผู้ต้องหา 1 ราย ในข้อหาผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับใบรับแจ้งรายการละเอียด โดยผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และรับว่าทำมาแล้วประมาณ 2 ปี



         หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็สืบสวนขยายผลเพิ่ม จนพบว่า ซิลิโคนที่ผู้ต้องหารายนี้ผลิตขึ้น จะมีพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์แห่งหนึ่ง เป็นผู้สั่งผลิต เมื่อผลิตเสร็จก็จะส่งไปที่ กรวินคลินิก สาขางามวงศ์วาน และสาขาขอนแก่น  ซึ่งพบหลักฐานการจ่ายเงินค่าซิลิโคนในช่วงปี 2565 มากกว่า 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นคลินิกดังกล่าวทั้งสองสาขา ยึดของกลางจำนวนมาก และยังพบเส้นทางการกระจายซิลิโคนเถื่อนไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศอีกกว่า 30 สาขา  



          โดยต้นทุนซิลิโคนเถื่อน อยู่ที่ราคาชิ้นละ 60-80 บาท แต่ขายคอร์สผ่าตัดศัลยกรรมในราคา 4,900-50,000 บาท การตรวจสอบผู้รับบริการศัลยกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ถึงปัจจุบัน  พบว่า กรวินคลินิก มีการผ่าตัดศัลยกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชิ้นส่วนซิลิโคนกว่า 1,621 ราย เป็นการเสริมจมูก 1,436ราย, คาง 154 ราย และเสริมจมูกกับคางพร้อมกัน 31 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ในฐานความผิด คือ



1. ร่วมกันขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตฯ  โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



2. ร่วมกันขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอดภัย  โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



3. ร่วมกันขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา โทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



4. ร่วมกันขายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



5. ร่วมกันจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.อาหาร โทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท



          ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ซิลิโคนเสริมความงาม เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งใช้กับร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และได้รับการขึ้นทะเบียนจากจาก อย. เพื่อยืนยันความปลอดภัยเสียก่อน หากนำซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานมาให้บริการ  อาจเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้รับบริการ ทั้งการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเสียโฉม จึงขอย้ำให้ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล  ปฏิบัติตามมาตรฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด หากพบว่าสถานพยาบาลแห่งใดไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น การให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์มาให้บริการ หรือนำยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. มาให้บริการ  กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายของโรงพยาบาลเอกชน หรือ คลินิกในเขตกรุงเทพฯ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กรม สบส.1426  ส่วนภูมิภาค แจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด



 



#ซิลิโคนเถื่อน



#ศัลยกรรมเสริมความงาม 

ข่าวทั้งหมด

X