เงินเฟ้อสหรัฐเดือนธ.ค.65 อยู่ที่ร้อยละ 6.5 คาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยเพียงร้อยละ0.25

12 มกราคม 2566, 21:46น.


          บีบีซี รายงานอ้างกระทรวงแรงงานสหรัฐฯว่า การที่ราคาพลังงาน เช่น น้ำมันลดลงมาก ช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพสำหรับประชาชนในสหรัฐฯ โดยเงินเฟ้อของสหรัฐฯในรอบ 12 เดือนจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อยู่ที่ร้อยละ 6.5 ลดจากร้อยละ 7.1 ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นับเป็นการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ก่อนหน้านี้ สินค้าบางรายการ เช่น ส้มและเสื้อผ้า มีราคาลดลงในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบกับราคาสินค้าในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว



          ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯอยู่ระหว่างหาทางตรึงราคาสินค้าให้ทรงตัว หลังขยับขึ้นในปี 2564 หรือหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯเปิดประเทศและธุรกิจตามปกติ หลังจากล็อกดาวน์คุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ประสบขาดแคลนสินค้า จึงปรับราคาสินค้าสูงขึ้น นอกจากนี้ สงครามในยูเครน กระทบต่อการขนส่งสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสู่ตลาดโลก ทำให้ปัญหาราคาสินค้าสูงกว่าเดิม ส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯในเดือนมิถุนายนสูงแตะร้อยละ 9.1 หรือสูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี



           ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราสูงที่สุดในรอบหลายสิบปีเมื่อปีที่แล้ว เพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุในเดือนที่แล้วว่า ในระยะต่อๆไป เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงกว่าเดิม เพื่อประเมินสถานการณ์ว่า ความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างไร



          โดย FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักร้อยละ 87.2 ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 4.50-4.75ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักร้อยละ 76.7 แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ต้นทุนกู้ยืมเงินจากธนาคารเพิ่มขึ้น อีกทั้งกระทบต่อความต้องการซื้อสินค้าแพงๆเช่น บ้านและรถยนต์ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวช้าลง



#สหรัฐฯ



#เงินเฟ้อ

ข่าวทั้งหมด

X