ตั้งอนุกก.คุมโควิด-19 เปิดห้องแล็บตรวจหาเชื้อที่สุวรรณภูมิ

12 มกราคม 2566, 14:50น.


          การเฝ้าระวังต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นายอนุทิน กล่าวว่า ภาพรวมในวันนี้ ประเทศไทยสามารถผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี จำนวนผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตลดลง อัตราครองเตียงระดับ 2 และ 3 ยังต่ำกว่าร้อยละ6 แต่ที่ต้องเร่งรัดคือ การฉีดวัคซีนในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ซึ่งที่เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน จึงต้องรณรงค์ให้รับวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม กระตุ้นทุก 4 เดือน เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน เพราะหากติดเชื้อจะไม่ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต



         สำหรับการประชุมในวันนี้ ได้เห็นชอบใน 3 เรื่อง คือ

-มาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 มี 3 เรื่องย่อย แบ่งเป็น



1) มาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศไทยสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ เตรียมความพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น เฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางที่มีอาการทางเดินหายใจให้ได้รับการตรวจด้วย ATK/PCR ตรวจสายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 เพิ่มกลไกการรายงานผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและตรวจสายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน

2) แนวทางการทำประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยว เน้นผู้เดินทางจากประเทศที่กำหนดให้ขากลับประเทศต้นทางต้องมีผลตรวจ RT-PCR คือ จีนและอินเดีย โดยต้องมีประกันสุขภาพวงเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทยและบวกเพิ่มอีก 7 วัน สำหรับผู้มาประกอบภารกิจ รวมถึงลูกเรือ นักเรียน อาจจะใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงานเจ้าภาพหรือเอกสารแสดงถึงการมีประกันรูปแบบอื่นรับรองแทน หากพบว่าไม่มีเอกสารประกันสุขภาพ ผู้นั้นจะต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนเข้าเมือ



3) แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว เน้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนได้รับวัคซีนโควิดครบ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการป้องกันการป่วยหนัก



          เรื่องที่ 2 คือ การให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในชาวต่างชาติ โดยให้มีการจัดระบบและกำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ตามความสมัครใจ และคิดค่าบริการที่เหมาะสม และมีจุดบริการฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะนำร่อง แบ่งเป็น กทม.ได้แก่ สถาบันโรคผิวหนัง รพ.นพรัตนราชธานี รพ.เลิดสิน รพ.ราชวิถี ศูนย์การแพทย์บางรัก สถาบันบำราศนราดูร และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง, เชียงใหม่ ได้แก่ รพ.ประสาทเชียงใหม่, ชลบุรี ที่ศูนย์พัทยารักษ์, ภูเก็ต หน่วยบริการที่ดำเนินการโดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ การบริหารจัดการวัคซีนให้คำนึงถึงปริมาณวัคซีนคงคลังที่จะไม่กระทบกับประชาชนไทยและให้จัดสรรวัคซีนให้แก่ประชาชนไทยเป็นลำดับแรก

          เรื่องที่ 3 คือ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อให้มีกลไกการจัดการด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยมีปลัด สธ.เป็นประธาน เปรียบเสมือน ศปก.ศบค.ที่จะกลั่นกรองมาตรการก่อนเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อฯ



          ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเฝ้าระวังผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ จะมีระบบสแกนโดยให้สายการบินช่วยสื่อสารข้อมูลหากมีอาการไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วย อาการคล้ายโควิดให้สามารถตรวจ ปัจจุบันมีห้องแล็บที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะตรวจให้ฟรีว่าเป็นโควิดหรือไม่ และเก็บตัวอย่างส่งตรวจสายพันธุ์



          สำหรับวัคซีนโควิด-19 ในปี 2566 จะเน้นฉีดบูสเตอร์ในกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน โดยวัคซีนที่เตรียมไว้มากกว่า 20 ล้านโดสเพียงพอสำหรับคนไทย และพอให้ต่างชาติที่ประสงค์จะเข้ารับบริการ เพราะส่วนใหญ่จะฉีดวัคซีนมาแล้ว ซึ่ง ททท.สำรวจพบว่ามีส่วนหนึ่งสนใจฉีด แต่ยังไม่รู้จำนวน เราเตรียมไว้ระดับหนึ่งที่เพียงพอ โดยนักท่องเที่ยวที่สมัครใจรับบริการ สามารถWalk in ได้ ในส่วนค่าใช้จ่ายบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 อยู่ที่ไม่เกิน 1,000 บาทรวมค่าวัคซีนและค่าบริการ  โดยวัคซีนที่ให้บริการมีทั้งวัคซีนชนิดไวรัลแว็กเตอร์ ของแอสตราเซนเนก้า และชนิดmRNAของไฟเซอร์ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้รับวัคซีน โดยศูนย์ให้บริการวัคซีนโควิด-19แก่นักท่องเที่ยวที่ศูนย์การแพทย์บางรัก กรมควบคุมโรค ตั้งอยู่ที่ถ.สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว มีรถไฟฟ้า BTS ผ่านสามารถลงได้ที่สถานีเซนต์หลุยส์



          ขณะนี้ศูนย์ฯมีความพร้อมในการให้บริการ เนื่องจากศูนย์ฯมีหน่วยบริการทางการแพทย์อยู่แล้ว เป็นการรักษาโรคทางเพศสัมพันธ์ อยู่ที่ชั้น 9 อาจจะต้องมีการเตรียมความพร้อมเรื่องป้ายประกาศและอื่นๆอีกเล็กน้อย ส่วนเรื่องวัคซีนและยามีความพร้อมแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในอีก 2-3 วัน 



          สำหรับเรื่องประกันสุขภาพของผู้เดินทาง อยากให้มีจำนวนวันที่เหมาะสมให้ครอบคลุมเพิ่มอีก 7 วัน และวงเงินคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งทราบว่ามีประกันของต่างประเทศที่ครอบคลุมอยู่แล้ว ส่วนประกันของบริษัทคนไทยเราอยากให้มีการทำแพคเกจเพื่อเวลาทำวีซ่าก็จะได้มีบริษัทของคนไทยให้เลือก ซึ่งสามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้ ขณะนี้มี 4 กรมธรรม์ที่ออกไปก่อนหน้านี้และครอบคลุมรายละเอียดตามนี้ แต่แพคเกจชุดใหม่ที่จะออกก็ขอให้คุ้มครองมากขึ้น โดยวันนี้ได้เชิญสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบริษัทมานำเสนอ โดยระบุว่าขอไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น อัตราการติดเชื้อ อัตราการทดแทนต่าง ๆ



 



#โควิด19

ข่าวทั้งหมด

X