นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยในฐานะ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่าการที่รัฐบาลเตรียมปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอีกร้อยละ 20 มาอยู่ที่ 5.69 บาท/หน่วย ในรอบบิลเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างมาก เนื่องจากมีสัดส่วนใช้ไฟฟ้ารวมกันมากถึงร้อยละ 70 จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น กระทบเงินเฟ้อให้ปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.5 คาดการณ์เงินเฟ้อปีหน้าอาจปรับเพิ่มจากร้อยละ 3 เป็น 3.5 ฉุดจีดีพีภาพรวมลดลงร้อยละ 0.3 ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยหยุดชะงัก เพราะภาคผลิตมีสัดส่วนในจีดีพีมากถึงร้อยละ 27 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และการขึ้นค่าแรงยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการ
โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม กกร.ได้ยื่นหนังสือขอเข้าพบหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดวันว่าจะได้เข้าพบเมื่อใด
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ทบทวนการขึ้นค่าไฟจะทำให้เกิดปัญหา 3 เรื่อง คือ
-ปัญหาขีดความความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของไทยจะลดลง ในการจัดอันดับของ IMD (International Institute for Management Development) ซึ่งในปี 2565 อันดับของไทยตกลงมา 5 อันดับ จาก 28 เป็น 33
-ปัญหาเงินเฟ้อจะกลับมา เพราะผู้ประกอบการจะขึ้นราคาสินค้าร้อยละ 5-12 กระทบค่าครองชีพของประชาชน
-นักลงทุนอาจย้ายฐานผลิตไปยังประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกกว่า โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งมีต้นทุนค่าไฟเฉลี่ย 2.88บาท/หน่วย
นักลงทุนรายใหม่อาจชะลอการเข้ามาลงทุนในไทย โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 กลุ่มประเทศอาเซียน+3 พบว่าสิงคโปร์ มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงสุด 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ไทยอยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
.....
#ค่าไฟ