อินเดียขอให้ปชช.สวมหน้ากากอนามัย-รับวัคซีนบูสเตอร์ หลังพบโอไมครอนกลายพันธุ์ BF.7 เริ่มระบาด

22 ธันวาคม 2565, 16:43น.


          อินเดียผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงต้นปีนี้ รวมถึงยกเลิกข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ หลังผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่ราว 3,400 คนต่อวัน แต่ปรากฏว่า ช่วง 2-3 เดือนที่แล้ว อินเดียพบคนไข้ 4 คน (คือ 3 คนในรัฐคุชราตและอีก 1 คนในรัฐโอริสสา) ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ BF.7 หรือ สายพันธุ์ย่อยจากโอไมครอน ซึ่งระบาดอยู่ในจีนในปัจจุบัน ทั้ง 4 คน อยู่ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล



          บีบีซี รายงานว่า นายมันสุข มัณฑวิยา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดีย ขอให้สาธารณชนในอินเดียเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่โรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งในอินเดีย จีน และทั่วโลก รวมถึงแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ที่มีคนแออัด ให้ไปรับวัคซีนบูสเตอร์ เว้นระยะห่างจากคนอื่นๆและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดระลอกใหม่



          นอกจากนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดีย กำชับให้หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศให้เพิ่มการเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสย่อยจากโอไมครอน โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของทุกรัฐส่งตัวอย่างไวรัสจากผู้ป่วยทุกคนไปตรวจซ้ำยังห้องแล็บของสถาบัน INSACOG ของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียที่เชี่ยวชาญด้านการคัดแยกพันธุกรรมของไวรัส เพื่อเฝ้าระวังไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในอินเดียแต่เนิ่นๆ



          อินเดีย มีประชากร 1.4 พันล้านคน ฉีดวัคซีนกว่า 2.2 พันล้านโดสสำหรับประชาชน แต่เพียงร้อยละ 27 ของประชากรอินเดีย รับวัคซีนบูสเตอร์หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว มีผู้ป่วยสะสม 44.67 ล้านคน เสียชีวิต 530,681 ราย มีตัวเลขผู้ป่วยมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ



#อินเดีย



#สถานการณ์โควิด

ข่าวทั้งหมด

X