กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า นักฟิสิกส์สหรัฐฯ มีความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ที่มีการค้นคว้าวิจัยมานานกว่า 30 ปีเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานสะอาดแบบไร้ขีดจำกัด ในการทดลองที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอเรนซ์ ลิเวอร์มอร์ (Lawrence Livermore National Laboratory : LLNL) ในแคลิฟอร์เนีย

ดร. คิมเบอร์ลี บุดิล ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการฯ กล่าวว่า เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ผู้คนหลายพันคนได้มีส่วนร่วมในความพยายามนี้ และต้องใช้วิสัยทัศน์ที่แท้จริงในการมาถึงเป้าหมาย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ
มีการทำงานคือการจับคู่อะตอมของแสงและบังคับให้มันรวมกัน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชัน ปลดปล่อยพลังงานจำนวนมาก
ซึ่งจะตรงกันข้ามกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ซึ่งอะตอมหนักจะถูกแยกออกจากกัน และเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปัจจุบัน กระบวนการนี้ทำให้เกิดของเสียจำนวนมาก และมีรังสีที่จะคงอยู่เป็นเวลานาน ที่เป็นอันตรายต้องมีการจัดเก็บอย่างปลอดภัย
นิวเคลียร์ฟิวชันสามารถทำให้เกิดพลังงานมากขึ้น มีกากกัมมันตภาพรังสีที่มีอายุสั้นในจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กระบวนการนี้ไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก จึงไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่มีความท้าทายคือการทำให้องค์ประกอบต่างมารวมกันเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชันต้องใช้อุณหภูมิและแรงดันที่สูงมาก การทดลองในปัจจุบันยังเป็นการทดลองขนาดเล็ก จึงมีการตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีการขยายขนาดของการทดลอง มีการทดลองอีกหลายครั้งเพื่อให้สมบูรณ์แบบ และเพื่อให้ได้ปริมาณพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ การทดลองปฏิกิริยาฟิวชันยังมีราคาสูง โดยการทดลองที่แคลิฟอร์เนียมีมูลค่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในการประกาศความก้าวหน้า ดร. มาร์วิน อดัมส์ รองผู้บริหารโครงการป้องกันของสำนักงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า เลเซอร์ของห้องปฏิบัติการป้อนพลังงาน 2.05 เมกะจูล (MJ) ไปยังเป้าหมาย ซึ่งผลิตพลังงานฟิวชันได้ 3.15 เมกะจูล
ศาสตราจารย์ จิอันลูกา เกรกอรี นักฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์หลายคนในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และทั่วโลก เป็นการปลดล็อกพลังงานฟิวชันและเปิดประตูสู่วิทยาศาสตร์ใหม่
…
#นิวเคลียร์ฟิวชัน
#พลังงานสะอาด
#สหรัฐฯ
ข่าวทั้งหมด