รอยเตอร์อ้างสำนักสถิติแห่งชาติจีนว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงานของจีน ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ร้อยละ 1.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนชะลอตัวลงเช่นกัน โดยดัชนี CPI ในเดือนที่แล้วลดร้อยละ 1.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับร้อยละ 2.1 ในเดือนตุลาคม นับเป็นการชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 8 เดือน บ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมของจีนเริ่มชะลอตัว ทั้งอุปสงค์สำหรับสินค้าจีนอ่อนแอลง เป็นผลพวงจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ รวมทั้งนายจื้อเว่ย จาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทพินพ้อยท์ แอสเซ็ต แมเน็จเมนท์ คาดว่า รัฐบาลจีนจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้ที่ร้อยละ 3.65 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน สำหรับอัตราเงินเฟ้อ จีนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนในปีหน้าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ลดจากร้อยละ 2.0 ในปีนี้
ขณะเดียวกัน การประชุมของคณะกรรมการในกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อวันอังคาร ที่ประชุมย้ำว่า ในปี 2566 รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญกับมาตรการต่างๆเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เช่น กระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือนและเปิดประเทศ ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น
ในประเด็นนี้ นายจาง กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่รัฐบาลจีนยังจะต้องจัดทำมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในการประชุมในสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการในกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่า การที่ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจในการใช้จ่ายเป็นปัญหาใหญ่ประการหนึ่งซึ่งรัฐบาลจีนจะต้องเร่งหาทางแก้ไข สำหรับเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับที่สองของโลก ชะลอตัวลงโดยต่อเนื่องในปีนี้ สืบเนื่องจากนโยบายลดโรคโควิด-19 เหลือศูนย์ และอุปสงค์อ่อนแอทั่วโลก
#จีน
#เศรษฐกิจ