บีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟุงเคอ มีเดีย กรุ๊ป(Funke media group)ของเยอรมนีมั่นใจว่ามีโอกาสน้อยมากที่รัสเซียจะนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้สู้รบในยูเครน เพราะเมื่อพิจารณาจากการสู้รบในปัจจุบัน เชื่อว่ารัสเซียหยุดขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน หลังประชาคมระหว่างประเทศกำหนดให้ประเด็นนี้เป็นเสมือนสิ่งต้องห้ามกระทำโดยเด็ดขาด
นายโชลซ์ กล่าวว่า การที่เขาเยือนจีน พันธมิตรของรัสเซีย เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน มีส่วนทำให้รัสเซียหยุดใช้วิธีข่มขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนเช่นเดียวกัน ระบุว่า เขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเห็นตรงกันว่า อาวุธนิวเคลียร์จะต้องไม่ถูกนำมาใช้ในยูเครน ซึ่งต่อมากลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่(กลุ่มจี20) ซึ่งประชุมกันที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย 15-16 พฤศจิกายน ย้ำจุดยืนเรื่องนี้เช่นกัน
นายโชลซ์ พูดถึงประเด็นที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ระบุว่า มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องรับประกันเรื่องความมั่นคงให้กับรัสเซียในวันที่รัสเซียยอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกับยูเครน โดยกล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนสำหรับรัสเซียคือ การยุติการสู้รบและถอนกำลังทหารออกจากยูเครนโดยทันที ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายพร้อมจะเจรจากับรัสเซียในเรื่องการควบคุมอาวุธในยุโรป ทั้งย้ำจุดยืนของเยอรมนีว่า เยอรมนีได้เสนอประเด็นนี้มาตั้งแต่ก่อนรัสเซียบุกยูเครนและจุดยืนของเยอรมนีในเรื่องนี้ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้นำเยอรมนีแสดงความเห็นเรื่องนี้ หนึ่งวันหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวต่อที่ประชุมสภาสิทธิมนุษยชนรัสเซียว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน การใช้อาวุธนิวเคลียร์มาสู้รบในยูเครนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่จะมีการปกปิดข้อเท็จจริงเช่นนี้ พร้อมพูดเป็นนัยว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องปรามข้าศึก แต่รัสเซียจะไม่เป็นฝ่ายใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีข้าศึกก่อน
แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประณามการแสดงความเห็นของนายปูตินว่า เป็นการพูดพล่อยๆโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ กล่าวหา นายปูตินชอบนำประเด็นเรื่องอาวุธนิวเคลียร์มาพูดในเชิงข่มขู่ สวนทางกับหลักการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียปฏิบัติมาแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น
#เยอรมนี
#อาวุธนิวเคลียร์
#การสู้รบในยูเครน
ข่าวทั้งหมด