ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เกือบ 10 เดือน หลังรัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ยอมรับในวันนี้ว่า สงครามในยูเครนอาจจะยืดเยื้อไปอีกสักพักใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ปฏิบัติการทางทหาร ตลอดถึงผลของปฏิบัติการต่างๆอาจจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งจึงจะสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเตือนว่า แนวโน้มสูงขึ้นที่จะมีการนำอาวุธนิวเคลียร์มาสู้รบในยูเครน
นายปูตินพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมสภาสิทธิมนุษยชนของรัสเซียในทำเนียบเครมลิน ระบุว่า รัสเซียจะสู้รบโดยใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่ เพิ่มเติมว่า ไม่มีความจำเป็นที่รัสเซียจะเกณฑ์กำลังพลเพิ่มเติมในระยะนี้
ในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ นายปูตินไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่ารัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ ระบุว่าเขามองคลังอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียเป็นเครื่องมือทางยุทธการสำหรับป้องปราบข้าศึกมากกว่าจะนำมาใช้โจมตีตั้งแต่แรก เพื่อยกระดับความรุนแรงให้สูงขึ้น
ส่วนแนวคิดที่ว่า รัสเซียไม่ควรจะประกาศจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่แรก ไม่ว่าสถานการณ์การสู้รบในยูเครนจะเป็นอย่างไร นายปูติน กล่าวว่ารัสเซียจะไม่รอให้ฝ่ายข้าศึกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนแล้วค่อยตอบโต้ แต่อีกด้านหนึ่ง รัสเซียมียุทธศาสตร์ด้านกลาโหม โดยเฉพาะการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายร้ายแรง เช่น อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งรัสเซียจะนำมาใช้โจมตีเพื่อตอบโต้ฝ่ายข้าศึก เช่น กรณีรัสเซียถูกโจมตีก่อน รัสเซียจะตอบโต้ข้าศึกทันทีเช่นกัน
การสู้รบยูเครน-รัสเซีย นายวยาเชสลาฟ กลาดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอด ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เปิดเผยว่า กองทัพยูเครนยิงปืนใหญ่โจมตีเมืองเบลโกรอด ห่างจากชายแดนยูเครน 35 กิโลเมตร เบื้องต้นไม่มีพลเรือนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยูเครนยิงปืนใหญ่โจมตีเมืองเบลโกรอด ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนยิงปืนใหญ่โจมตีเมืองเบลโกรอดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน มีชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย
ก่อนหน้านี้ รัสเซียกล่าวหายูเครนใช้โดรนโจมตีระยะไกลยังฐานทัพอากาศรัสเซียเมื่อวันจันทร์และวันอังคาร สร้างความประหลาดใจให้กับรัสเซียซึ่งแต่เดิม รัสเซียเชื่อว่ากองทัพรัสเซียสามารถปกป้องความมั่นคงในพื้นที่ต่างๆที่อยู่ห่างไกลชายแดนยูเครน-รัสเซีย
#รัสเซีย
#การสู้รบในยูเครน
#การใช้อาวุธนิวเคลียร์
ข่าวทั้งหมด