ราคาน้ำมันโลกจะร่วงแตะ 40 ดอลลาร์ในปีหน้า หากสงครามยูเครนยุติ

07 ธันวาคม 2565, 21:14น.


          นักลงทุนวิตกว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน  ทำให้ราคาน้ำมันเมื่อเวลา 21.05 น. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.75 ดอลลาร์ สู่ระดับ 75.00 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์บวก 0.21 ดอลลาร์ หรือ สู่ระดับ 80.21 ดอลลาร์/บาร์เรล



          นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กล่าวเตือนว่าเงินเฟ้ออาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าและการที่เฟดมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดที่ 5% ก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะสกัดเงินเฟ้อ



          ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดิ่งลงจากปัจจุบันที่ราว 79 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือเพียง 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ราคาน้ำมันได้ปรับตัวผันผวนถึงร้อยละ 35 ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-28 พ.ย. แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร (โอเปกพลัส) ประกาศลดกำลังการผลิต ขณะที่มีการคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดก่อนหน้านี้



          รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยมากกว่าคาดในปีหน้า เศรษฐกิจจีนประสบความล่าช้าในการฟื้นตัว จะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันทรุดตัวลงอย่างมากในหลายประเทศ และหากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้รับการแก้ไขผ่านทางการเจรจาจนส่งผลให้สงครามสิ้นสุดลง ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลดลงร้อยละ50 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะร่วงลงจากปัจจุบันที่ราว 79 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือเพียง 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19



          ส่วนปัจจัยในวันนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้



 



#วิกฤตพลังงาน



 

ข่าวทั้งหมด

X