กรณีสว.เอมี โคลบูชาร์ จากรัฐมินนิโซตา สหรัฐฯเสนอให้ที่ประชุมสภาคองเกรส พิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยเรื่องการแข่งขันและปกป้ององค์กรสื่อมวลชน(Journalism Competition and Preservation Act - JCPA) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้องค์กรสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ สำนักข่าว และสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในสหรัฐฯ มีอำนาจรวมกลุ่มกันมาเจรจาต่อรองกับเฟซบุ๊ก ขอเก็บค่าธรรมเนียมจากการที่เฟซบุ๊กนำเนื้อหาข่าวสารจากองค์กรสื่อต่างๆไปแชร์ทางเฟซบุ๊ก เนื่องจาก หลายฝ่ายเห็นว่า เฟซบุ๊กมีรายได้จากโฆษณาจำนวนมาก ขณะที่ ธุรกิจสื่อท้องถิ่นส่วนใหญ่ อยู่ในสถานการณ์ลำบากในทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าได้รับการขานรับจากสมาชิกส่วนใหญ่จากทั้งสองพรรค คือ พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต
บีบีซี รายงานอ้างนายแอนดี สโตน โฆษกของบริษัทเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์(Meta Platforms Inc) เจ้าของสื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก (Facebook)ของสหรัฐฯว่า ถ้าสภาคองเกรสเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายเรื่องนี้ให้ผ่านสภาในลักษณะเดียวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ โดยมุ่งลดการผูกขาดตลาดของสื่อออนไลน์รายใหญ่ ทางบริษัทเมตา อาจจะพิจารณาลบเนื้อหาข่าวสารทั้งหมดออกจากเฟซบุ๊กในสหรัฐฯ พร้อมทั้งคัดค้านร่างกฎหมายใหม่
นายสโตน อ้างว่า เฟซบุ๊ก เป็นเพียงแพลตฟอร์มหรือช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรสื่อต่างๆเผยแพร่ข่าวสารไปสู่สาธารณชนได้กว้างขึ้น ขณะเดียวกัน การแชร์ข่าวสารทางเฟซบุ๊กจะช่วยให้ผู้ใช้หันมาติดตามข่าวสารโดยตรงจากแหล่งต้นตอ คือ องค์กรสื่อต่างๆมากขึ้น ระบุว่า องค์กรสื่อส่วนใหญ่ อยากจะนำเสนอข่าวสารผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจาก พวกเขาเห็นว่า มีผลดีต่อธุรกิจขององค์กรสื่อของพวกเขาในระยะยาว
นายแมตต์ สโตลเลอร์ ผอ.ฝ่ายวิจัยขององค์กรเอ็นจีโอด้านสื่อของสหรัฐฯ ชื่อว่า อเมริกัน อีโคนอมิกส์ ลิเบอร์ตี้ โปรเจ็ค(American Economic Liberties Project) กล่าวว่า องค์กรสื่อส่วนใหญ่อยู่ในสภาพเสียเปรียบมาตลอด ความพยายามของบริษัทเมตาที่จะใช้วิธีข่มขู่สภาคองเกรสให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เหตุใดการครอบงำตลาดเป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ กฎหมายในลักษณะเดียวกันของออสเตรเลียใช้บังคับเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทำให้บริษัทเมตาหยุดนำเสนอเนื้อหาข่าวสารต่างๆบนเฟซบุ๊กในออสเตรเลียในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมาบริษัทเมตา ทบทวนเรื่องนี้ใหม่ หลังถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ โดยยอมไกล่เกลี่ยข้อตกลงกับรัฐบาลออสเตรเลีย
ส่วนประเด็นที่องค์กรสื่อส่วนใหญ่ในออสเตรเลีย โต้แย้งว่า เมตา ทำรายได้และกำไรมหาศาลจากการนำเนื้อหาข่าวสารที่ผลิตโดยองค์กรสื่อต่างๆไปแชร์บนเฟซบุ๊ก นายสโตน ชี้แจงว่า รายได้จากการแชร์เนื้อหาข่าวสารต่างๆทางเฟซบุ๊กคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียงเล็กน้อย อีกทั้งข่าวสารทาง News Feed ที่ผู้ใช้สื่อออนไลน์ ติดตามทางเฟซบุ๊ก คิดเป็นสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 4
#เมตา
#ขู่ลบเนื้อหาข่าวสารจากเฟซบุ๊ก
#ร่างกฎหมายปกป้องกิจการสื่อ
ข่าวทั้งหมด