ปฏิบัติการทางอากาศ ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย เพื่อช่วยรัฐบาลเยเมนปราบปรามกลุ่มกบฏชาวชีอะฮ์ฮูซีมาตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. ยังคงเดินหน้า เพื่อรุกคืนพื้นที่ ซึ่งเป็นทำเนียบของประธานาธิบดีอับด์ รับบูร์ มานซูร์ ฮาดี ของเยเมนในเมืองเอเดน ส่งผลให้กลุ่มกบฏฮูชีต้องล่าถอยออกจากทำเนียบประธานาธิบดี แต่กลุ่มอัลกออิดะห์ในพื้นที่สามารถบุกยึดฐานทัพเยเมนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ได้ เพิ่มความหวาดกลัวว่า กลุ่มอัลกออิดะห์จะขยายฐานที่มั่นไปในพื้นที่ ซึ่งมีพรมแดนติดกับซาอุดีอาระเบีย และอยู่ใกล้เส้นทางขนส่งทางทะเลที่สำคัญ ซึ่งขณะนี้ กลุ่มอัลกออิดะห์สามารถยึดเมืองเอกทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเยเมนไว้ได้เกือบทั้งหมด และสามารถบุกเรือนจำและปล่อยตัวนักโทษถึง 300 คน
นางวาเลรี เอมอส เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ ระบุว่า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเยเมนในช่วง 2 สัปดาห์ มีผู้เสียชีวิต 519 ศพ บาดเจ็บเกือบ 1,700 คน สิ่งที่น่าห่วงกังวลคือ ความปลอดภัยของพลเรือน ทั้งนี้ ความขัดแย้งในเยเมนได้จุดปัญหาความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบีย โดยอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาการจัดส่งอาวุธให้แก่กลุ่มกบฏฮูซี ซึ่งโค่นอำนาจประธานาธิบดีฮาดี ซึ่งปัจจุบันหลบหนีไปซาอุดีอาระเบีย
ยูเอ็นเอสซี จะประชุมในเวลา 15.00 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 22.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย โฆษกคณะเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นเผยว่า การหารือแบบปิดจะเป็นเรื่องการพักโจมตีทางอากาศในเยเมนเพื่อมนุษยธรรม ขณะที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เผยว่า มีเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 62 ศพ บาดเจ็บ 30 คน ในการสู้รบตลอดสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีเด็กถูกเกณฑ์ไปเป็นนักรบด้วย สถานการณ์ในเยเมนทวีความรุนแรงขึ้นมากนับตั้งแต่ซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำ 10 ชาติอาหรับเปิดฉากโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคม เพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มกบฏซึ่งเป็นชีอะห์รุกคืบยึดพื้นที่เพิ่มเติม หลังจากที่ได้ยึดกรุงซานาในเดือนกุมภาพันธ์และบุกเมืองเอเดนทำให้ประธานาธิบดีเยเมนต้องหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย