สถานการณ์โควิด-19 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics รายงานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่นพ. เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO และ ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าด้านเทคนิคของ WHO และหัวหน้าแผนกโรคอุบัติใหม่และโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนในโครงการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพของ WHO แถลงว่า
จากการติดตามธรรมชาติการกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมมาร่วม 3 ปี ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก สรุปว่า
1. จำเป็นต้องติดตามกลุ่มโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย (omicron soup variants) ที่อุบัติขึ้นและระบาดพร้อมกันมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2565 เพราะหลายสายพันธุ์ย่อยมีการกลายพันธุ์โดยเฉพาะบริเวณโปรตีนหนามที่ “อาจ” ก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เช่น BA.2.75, BQ.1,BN.1, BF.7,CH.1.1 ฯลฯ
2. ต้องกลับมาเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์เก่าหลายสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์หวู่ฮั่นดั้งเดิม, อัลฟา, เบตา, เดลตา, แกมมา ฯลฯ ที่พบหมุนเวียนอยู่ ในตัวผู้ติดเชื้อบางกลุ่ม เสมือนแหล่งเก็บกัก (reservoir) เช่นผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ประกอบกับมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เช่น การ ลด ละ เลิกการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ การเว้นระยะห่างทางกายภาพ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทำให้สายพันธุ์ดั้งเดิมที่สูญหายไปแล้วอาจกลับมาปรากฏตัวได้อีกครั้ง
3. ไม่ประมาทต่อการเกิดสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างไวรัสตระกูลเก่า (หวู่ฮั่นดั้งเดิม, อัลฟา, เบตา, เดลตา) กับไวรัสตระกูลใหม่ (โอไมครอน) เช่น เดลตาครอน XBC
4. ติดตามการเกิดสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ย่อยในตระกูลเดียวกัน (omicron soup variants) เช่น โอไมครอน XBB ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง โอไมครอน BJ.1 x BA.2.75
5. พยายามควบคุมการแพร่ระบาดจากคนไปสู่สัตว์ อันจะก่อให้เกิดเป็นแหล่งเก็บกักโรค(reservoir) และเพาะบ่มให้เกิดไวรัสกลายพันธุ์ในสัตว์ที่ปราศจากแอนติบอดีมายับยั้ง และแพร่กลับมาติดต่อสู่คนอีกครั้ง ซึ่งเริ่มเห็นบ้างในกลุ่มกวางในแคนาดาและสหรัฐฯที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากคน จากนั้นพบมีการแพร่จากกวางกลับมาสู่คน (รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/CMGrama/posts/pfbid0KdaqdbzhKHBqGV9t7Bx6pVTwjTz2NBMyuAWruEyfTp1zcHUcF3zc9tMARpYyPh1Zl)
6. การตรวจวินิจฉัยด้วย ATK ยังใช้ได้ดี เนื่องจาก เป็นการตรวจส่วนประกอบไวรัสหลายส่วนนอกเหนือไปจากโปรตีนหนาม
7. ต้องหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพการตรวจจับไวรัสของชุดตรวจ PCR เนื่องจากไวรัสมีการกลายพันธุ์บนสายจีโนมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความไว (sensitivity) และความจำเพาะ (specificity) ในการตรวจจับไวรัสในสิ่งส่งตรวจของ PCR อาจลดลง
8. ไม่ควรลดการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนม เพราะจะให้เราขาดข้อมูลของสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในบ้านเราแบบเรียลไทม์ ซึ่งสำคัญอย่างมากต่อการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรคโควิด
9. เฝ้าระวังเชื้อดื้อยาทั้งจากยาเม็ดรับประทานและยาฉีด ด้วยการตรวจรหัสพันธุกรรม (genotyping & sequencing) เพื่อตรวจสอบสายพันธุ์และตำแหน่งกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการดื้อยา (anti-SARS-CoV-2 drugs)
10. จัดลำดับโควิดสายพันธุ์ย่อยที่กำลังระบาดหรือมีแนวโน้มจะระบาดภายในประเทศโดยอาศัยข้อมูลรหัสพันธุกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน ด้านวัคซีนและยาต้านไวรัสให้สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ระบาด
#โควิด19
#WHO
CR:Center for Medical Genomics