นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียจะเดินทางไปเยี่ยมกองทหารรัสเซียในภูมิภาคดอนบาสอย่างแน่นอนในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นภูมิภาคของสหพันธรัฐรัสเซีย
ภูมิภาคดอนบาสอยู่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งรัสเซียยึดครองบางพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงในเดือนกันยายนของปีนี้รัสเซียได้อ้างผลการลงประชามติของประชาชนในพื้นที่เพื่อผนวกรวม 4 ดินแดนของยูเครน ที่ได้แก่ โดเนตสค์ ลูฮันสค์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แต่เป็นการทำประชามติที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
นอกจากนี้ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น นายเปสคอฟ ยังไม่เห็นด้วยกับการที่สหภาพยุโรปและกลุ่มจี7 กำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปและจี7 เห็นว่าการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบจะทำให้รัสเซียมีรายได้จากการค้าน้ำมันลดลง โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพราคาพลังงานทั่วโลก แต่นักวิจารณ์จำนวนมาก โต้แย้งว่า มาตรการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัสเซียในการจัดหาเงินทุนในการทำสงคราม โดยเฉพาะภูมิภาคดอนบาส มีทรัพยากรถ่านหินจำนวนมาก ทั้งมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์และเชิงสัญลักษณ์ต่อรัสเซีย ในอดีตภูมิภาคนี้มีประชากรน้อย ทางการสหภาพโซเวียตจึงสนับสนุนให้ชาวนาอพยพไปยังแหลมไครเมียและดอนบาส ทำให้มีการใช้ภาษารัสเซีย มีโรงเรียน และสถาบันทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตามเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ชาวยูเครนรวมถึงชาวดอนบาสและไครเมียสนับสนุนให้แยกตัวออกจากรัสเซีย และหลังจากการเคลื่อนไหวต่อต้านรัสเซียในปี 2557 ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในโดเนตสค์และลูฮานสค์ ประกาศเป็นเอกราชจากยูเครนโดยได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย
หลังจากนั้นไม่นาน รัสเซียก็รุกรานไครเมีย ในขณะที่สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ (DPR) และสาธารณรัฐประชาชน Luhansk (LPR) เข้าสู่สงคราม 8 ปีกับยูเครน
…....
#รัสเซีย
#ยูเครน