นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ (ภาษีขายหุ้น) ว่า มีการหารือกันมานานหลายปีแล้ว และภาษีดังกล่าวอยู่ในประมวลรัษฎากรตั้งแต่แรก แต่ได้ยกเว้นให้เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจากปี 34 ตลาดหุ้นมีมูลค่าการซื้อขาย 9 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเพิ่มมาเป็น 20 ล้านล้านบาทแล้ว จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะกลับมาจัดเก็บภาษี เพราะตลาดมีความเข้มแข็ง
ยังคงการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่
1. ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉพาะการขายหลักทรัพย์ที่บุคคลนั้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์นั้น
2. สำนักงานประกันสังคม
3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
5. กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
7. กองทุนการออมแห่งชาติ
8. กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมแก่สำนักงานประกันสังคมหรือกองทุนตามข้อ 3 – 7 เท่านั้น
ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึง การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ภาษีขายหุ้น ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกฎหมายในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา และเมื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ก็จะมีผลบังคับใช้ โดยจะยกเว้นให้ 3 เดือน และจะเริ่มจัดเก็บตั้งแต่เดือนที่ 4 โดยปีแรกจะยังให้จ่ายภาษีครึ่งเดียว ในอัตรา 0.055% รวมภาษีท้องถิ่น เพื่อให้มีการปรับตัว ก่อนจัดเก็บในอัตรา 0.11% ในปีถัดไป
#กรมสรรพากร
#ภาษีขายหุ้น