+++พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยแนวทางหลังจากที่ไทยและญี่ปุ่นลงนามร่วมกันแล้ว เพื่อผ่อนคลายมาตรการให้เที่ยวบินจากไทยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) เดินทางไปลงญี่ปุ่นได้ ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีการลงนามไปเมื่อวาน แต่สาเหตุยังไม่เผยแพร่ เนื่องจากองค์การการบินพลเรือนของประเทศญี่ปุ่น หรือ เจแคป ต้องการรายงานความคืบหน้าด้านการเจรจาและการลงนามให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลเจแคปทราบก่อน ทั้งนี้ ไทยสามารถเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงผ่อนคลายมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน – 31 พฤษภาคมนี้ โดยมาตรการดำเนินการระยะ 2 เดือนนี้เป็นข้อตกลงร่วมกัน โดยฝ่ายไทยจะให้สายการบินแต่ละแห่งตรวจสอบมาตรฐานทุกเที่ยวบินที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัยของทุกเที่ยวบิน รวมทั้งการขนส่งวัตถุอันตราย เมื่อทุกสายการบินตรวจสอบแล้วต้องมีการเซ็นรับรองจากกรมการบินพลเรือนของไทย และจะมีการแจ้งปลายทางให้ญี่ปุ่นทราบ และเมื่อชาร์เตอร์ไฟลท์ลำดังกล่าวเดินทางถึงญี่ปุ่นก็ต้องได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยของเจแคปโดยละเอียดอีกครั้ง ทั้งหมดจะเป็นการดำเนินการตามมาตรการระยะสั้น
+++การแก้ปัญหาระยะยาว พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าการทำงานจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่ตั้งไว้ ทั้งมาตรการแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย แก้ข้อบกพร่องที่เป็นนัยต่อความปลอดภัย การขนส่งวัตถุอันตราย จนถึงการปรับหลักเกณฑ์การให้ใบอนุญาตสายการบิน โดยจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 2-8 เดือน
+++การทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลของกระทรวงศึกษาธิการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงร่วมกับคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนครบทุกภาคแล้ว สั่งการให้ ป.ป.ช.จังหวัด ลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมประสานข้อมูลกับ สตง. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพิ่มเติมอีกด้วย เบื้องต้นได้ข้อมูลรายละเอียดในแต่ละภาคมาค่อนข้างมากแล้ว จึงอาจจะมีการสรุปเข้าสู่ที่ประชุมของคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ เร็ว ๆ นี้ เพื่อเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
+++ส่วนกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาการขออ้างพยานเพิ่ม ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาสั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ( นปช.)เมื่อปี 2553 นายปานเทพ เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติอนุญาตให้เพิ่มพยานตามที่นายอภิสิทธิ์ขอมา ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยหลังจากนี้ไม่เกินวันที่ 21 เม.ย. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะได้ส่งหนังสือเชิญไปยังพยานทั้ง 2 คนนัดหมายเข้ามาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง หรือจะชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง หรือ พระสุเทพ ปภากโร จะชี้แจงเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการป.ป.ช.อีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.ตามที่ได้นัดหมายไว้แล้ว
+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง กรณีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่คดีผู้เสียเสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 99 ศพ ปี 2553 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งการให้เร่งรัดติดตามคลี่คลายคดีให้แล้วเสร็จ เหมือนกับคดีการทุจริตทุกคดี ทั้งนี้ไม่ว่าฝ่ายใดหากมีประเด็นข้อสงสัย สามารถเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามรายละเอียดได้ เหมือนกับคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่ผู้เสียหายมาสอบถามข้อสงสัย หรือร้องขอให้มีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน ส่วนกรณีที่ในสัปดาห์หน้ากลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. จะเดินทางมาที่ดีเอสไอเพื่อสอบถามการแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวน ข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งจะแสดงเจตนาที่จะขอมีส่วนร่วมกับการทำงานของคณะทำงานชุดดังกล่าว โดยอาจจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานคู่ขนานกันกับดีเอสไอ หรืออาจจะมีช่องทางที่จะสามารถประสานงานกันได้ตลอดเวลา เพื่อความโปร่งใสชัดเจนในการทำงานนั้นก็พร้อมพูดคุยในทุกประเด็นที่สงสัย และชี้แจงในทุกกรณี ตามระบบยุติธรรม เจ้าหน้าที่ยินดีตอบทุกข้อสงสัย
+++พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการใช้เงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า จะไม่ลงไปเร่งรัดเรื่องนี้ เพราะทุกหน่วยงานต่างทำหน้าที่อยู่แล้ว โดยจะประชุมสรุปความคืบหน้าสัปดาห์ละ1ครั้ง เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการทำงาน ขณะที่ดีเอสไอต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ถ้ามีหน่วยงานใดไม่ทำตามหน้าที่ ในฐานะ รมว.ยุติธรรม พร้อมที่จะย้ายคนที่ไม่ปฏิบัติตามในหน่วยงานนั้นๆ
+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการขอพักชำระหนี้เกษตรกรของนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช. โดยนายกิตติศักดิ์ ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวปี 2555-2557 สร้างความเสียหายให้ประเทศ และทำให้เกษตรกรเดือดร้อน เครียดจนต้องฆ่าตัวตายถึง 16 คน แม้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเร่งแก้ปัญหาโดยจ่ายเงินค่าข้าวที่รัฐบาลก่อนค้างไว้จำนวน 1 แสนล้านบาทให้เกษตรกรทั่วประเทศ แต่การทำนาในปีที่ผ่านมายังประสบภัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตไม่ได้ตามที่ต้องการ จึงตั้งกระทู้ถามว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรเป็นเวลา 1 ปี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรหรือไม่ และรัฐบาลมีมาตรการรับผิดชอบเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรระหว่างพักชำระหนี้หรือไม่อย่างไร
+++นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงแทนนายกฯ ยืนยันว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ดำเนินการ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการปลดเปลื้องหนี้สินเกษตรกรรายย่อย ที่มีศักยภาพต่ำและไม่มีความสามารถในการประกอบอาชีพ โดยตัดหนี้สูญ ไม่ต้องชำระหนี้อีก โครงการปรับโครงสร้างหนี้ ให้เกษตรกรที่มีศักยภาพต่ำ แต่ยังมีความสามารถประกอบอาชีพได้ โดยให้พักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลา 3 ปี และขยายเวลาผ่อนชำระเงินต้นไม่เกิน 10 ปี เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อขยายเวลาไม่เกิน 15 ปี พร้อมสนับสนุนสินเชื่อใหม่ และโครงการขยายเวลาการชำระหนี้ เพื่อดูแลเกษตรกรที่มีศักยภาพ แต่ได้รับผลกระทบจากการงดทำนาปรัง และราคายางตกต่ำด้วย เชื่อว่า จะแก้ไขปัญหาหนี้สินแบบเบ็ดเสร็จให้กับเกษตรกรรายย่อย
+++ส่วนที่ประชุมสนช. มติรับหลักการวาระแรกในร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ ด้วยเสียงเห็นชอบ 167 เสียง ในร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และเห็นชอบ 170 เสียง ในร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ผ่านความเห็นชอบรับหลักการ 169 เสียง พร้อมกำหนดให้มีการแปรญัตติภายใน 15 วัน และดำเนินงานภายใน 60 วัน นับแต่วันที่สนช.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 21 คนในชุดเดียวกัน
+++พล.อ.ประยุทธ์ ประชุมมอบนโยบายและการประกาศวาระแห่งชาติ เรื่อง การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบายพร้อมเพรียง นายกฯ กล่าวว่า การปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องสร้างความเข้าใจและให้เกิดการบูรณาการกับทุกฝ่าย โดยต้องช่วยกันแก้ปัญหา เน้นเรื่องการป้องกัน การดำเนินคดีการคุ้มครองช่วยเหลือเหยื่อ การบริหารข้อมูลและรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีระยะเร่งด่วนและระยะขยายผล
+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้รัฐบาลจะเร่งผลักดันให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ การลงทุนของภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ส่วนภาคการส่งออกคาดว่าในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 0 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง สินค้าไทยบางตัวในส่วนของอุปโภคบริโภคสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ของไทยจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 5 ส่วนการยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึกและใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแทนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมากขึ้น ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวจะมีส่วนช่วยชดเชยรายได้จากการส่งออกของไทยในปีนี้ได้ เนื่องจากการส่งออกปีนี้อาจจะไม่มีการขยายตัว
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้น 3.82จุด ดัชนีอยู่ที่1,536.05จุด มูลค่าซื้อขาย 2.4หมื่นล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวของญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 122.29 จุด ปิดที่ 19,435.08 จุด ส่วนตลาดหุ้นออสเตรเลีย และตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Good Friday
+++เอเอฟพี รายงานอ้างสื่อท้องถิ่นของอิหร่านว่าชาวอิหร่านกลุ่มหนึ่งไปดักรอต้อนรับนายโมฮัมหมัด จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ พร้อมด้วยนายอับบาส อารักห์ชี หัวหน้าคณะผู้เจรจาและทีมงาน ที่เดินทางถึงสนามบินเมห์ ราบัดในกรุงเตหะราน หลังการลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์กับ 6 ชาติมหาอำนาจของโลกที่เมืองโลซานของสวิตเซอร์แลนด์ ในการแถลงในช่วงเวลาสั้นๆที่สนามบิน นายซาริฟ ได้ขอบคุณอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่ให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่คณะผู้เจรจาอย่างต่อเนื่อง ระบุว่าคณะทำงานยังจะต้องสรุปรายละเอียดข้อตกลงให้เสร็จก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ข้อตกลงที่มีการลงนามจะใช้เป็นกรอบสำหรับการจัดทำเอกสารในขั้นสุดท้ายต่อไป กรอบข้อตกลงเบื้องต้น อิหร่านจะยอมรับการตรวจสอบ ปิดเครื่องหมุนเหวี่ยงยูเรเนียม ที่ใช้สำหรับการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ มากกว่า2ใน3 และรื้อถอนเตาปฎิกรณ์แห่งหนึ่งที่ใช้ในการผลิตพลูโตเนียม
+++สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส ผ่านกฎหมายฉบับใหม่เมื่อ 2 เม.ย. บัญญัติให้การโฆษณาเชิญชวนให้ผู้หญิงมีร่างกายผอมบาง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงถึง 35,000 ปอนด์ หรือ ประมาณ 1 ล้าน 6 แสน 80,000 บาท และโดนจำคุกอีก 3 ปี เพื่อต้องการลงโทษสั่งปิดเว็บไซต์รวมถึงบรรดาโฆษณาต่างๆ ที่สนับสนุน ส่งเสริม ยุยงให้ผู้หญิงอดอาหาร เพราะนับแต่นี้ไป จะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในฝรั่งเศส เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการนำไปสู่ความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ จนถึงขั้นเสียชีวิต