รอยเตอร์รายงานอ้างสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน(NBS)ว่า ภาคการผลิตของภาคโรงงานอุตสาหกรรมของจีนลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนพฤศจิกายน เป็นผลจากการล็อกดาวน์ควบคุมการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 และอุปสงค์ที่อ่อนแอทั่วโลก ชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตจีนในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 48.0 จาก 49.2 ในเดือนตุลาคม ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน อีกทั้งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คือ 49.0 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนในเดือนพฤศจิกายนลดมาอยู่ที่ 46.7 จาก 48.7 ในเดือนตุลาคม ต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตหรือภาคบริการอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตหรือภาคบริการยังคงมีการขยายตัว
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ ระบุในรายงานว่า พื้นที่และโรงงานที่มีการผลิตสินค้าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.1 ของจีดีพีทั้งหมดของจีนขณะนี้ยังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ สูงกว่าสถิติเดิมในเดือนเมษายนคือ ร้อยละ 21.2 หรือ ช่วงที่นครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของจีนถูกล็อกดาวน์
ก่อนหน้านี้ ประชาชนในหลายเมืองทั่วประเทศจีน เช่น กรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ ประท้วงมาตรการล็อกดาวน์คุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีน เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากในจีน หลายฝ่ายกังวลเรื่องตัวเลขจีดีพีของจีนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ว่าจะอ่อนแอ หรือไม่
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เติบโตร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลจีนตั้งไว้สำหรับปีนี้คือ ร้อยละ 5.5 ค่อนข้างมาก
#จีน
#ดัชนีพีเอ็มไอ
#เศรษฐกิจ