หลังประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 20/2565) โดยมีส.ส. และ ส.ว. รวม 105 คน เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภา (ผู้ร้อง) เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น
ผลการพิจารณาระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 25 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 และมีมติโดยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94
คดีดังกล่าวเริ่มต้นที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้ยื่นร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ใน 2 ประเด็น
-ประเด็นแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาในร่าง ให้วินิจฉัยว่า มาตรา 25 และมาตรา 26 ของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ขัดกับบทบัญญัติของศาลรัฐธรรมนูญมาตราที่ 93 และ 94 หรือไม่
-ประเด็นที่สอง คือกระบวนการตราร่างกฎหมาย ถูกต้องตามที่รัฐธรรมนูญ กำหนดหรือไม่ เพราะสภาพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ทันตามกรอบเวลา 180 วัน หลัง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล พลิกแนวทางการสนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส. จากสูตรหาร 100 ไปเป็นสูตรหาร 500 สุดท้ายมาจบลงที่สูตรหาร 100 เนื่องจากพิจารณาไม่ทัน จึงต้องกลับไปใช้ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอ นั่นจึงทำให้ น.พ.ระวี ยื่นร้องว่าสูตรคำนวณส.ส.หาร 100 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
นพ.ระวี กล่าวว่า กระบวนการต่อไป นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก็จะนำส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปยังรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี จะมีเวลาอีก 5 วัน เพื่อรอว่าจะมีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญคัดค้านอีกหรือไม่ หากไม่มีใครคัดค้านก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงปรมาภิไธย แต่ส่วนตัวจบแล้ว จะไม่มีการยื่นคัดค้านใดๆ อีก และคงเอาเวลาไปเตรียมตัวเลือกตั้งครั้งหน้า คาดว่า การโปรดเกล้าฯ ลงมา น่าจะอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค.66 โดยเชื่อว่า ระหว่างนี้จะไม่มีการยุบสภา เพราะจะไม่มีกฎหมายรับรองการเลือกตั้ง แต่เมื่อมีการทูลเกล้าฯ ลงมาแล้ว ก็อาจจะมีการยุบสภาในช่วงเดือน ก.พ.66
สำหรับความแตกต่างของสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 และ 500 นั้น
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยได้อธิบายเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ แบบหาร 100 เอาไว้ดังนี้
สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 คือ จำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไปหารด้วยคะแนนรวมในบัตเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองทั่วประเทศ จนได้ตัวเลขเป็นฐานคะแนนต่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน แล้วนำคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองมาดูว่า ได้คะแนนเท่าใด แล้วจึงคิดออกมาเป็นสัดส่วนของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่แต่ละพรรคจะคว้าได้ในสภาฯ จนครบ 100 คน
ตัวอย่างการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100
หากบัตรคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั่วประเทศ รวมกันแล้วมีทั้งสิ้น 37,000,000 คะแนน ก็นำ 37,000,000 ไปหารด้วย 100 ก็จะเท่ากับได้ 370,000 คะแนนต่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน หากย่อยลงมาให้เห็นชัด ๆ คือ พรรค ก. ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 1,000,000 คะแนน เมื่อนำ 370,000 คะแนน ไปหาร พรรค ก. ก็จะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 2.7 คน หรือ 2 คน
สูตรคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 500 สำหรับสูตรนี้ นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) ในฐานะ กมธ.ซึ่งใช้สิทธิเสนอแปรญัตติในชั้น กมธ. เป็นหนึ่งในกมธ.เสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 ได้อธิบายสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 500 นี้ไว้ 2 แบบด้วยกัน
แบบที่ 1
การคำนวณหาคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.พึงมี 1 คน ก็คือ การนำผลรวมคะแนนพรรคของทุกพรรคทั่วประเทศไปหารด้วย 500 เช่น 37 ล้าน หารด้วย 500 ก็จะเท่ากับ 74,000 โดยการคำนวณหาจำนวน ส.ส.พึงมีของพรรค ก คือ ผลรวมคะแนนพรรคของพรรค ก จากทุกเขต คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส. พึงมี 1 คน 1,000,000÷74,000 = 13.5 ส.ส.ส่วนจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก ก็คือ จำนวน ส.ส.พึงมีพรรค ก – จำนวน ส.ส.เขตพรรค ก ตัวอย่าง ส.ส.พึงมี (13.5)–ส.ส.เขต(7) = ส.ส.บัญชีรายชื่อ คือ 6.5
แบบที่ 2 การคำนวณหาคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส. พึงมี 1 คน ก็คือ ผลรวมคะแนนเขต + คะแนนพรรคของทุกพรรค หาร 500 เช่น 37 ล้าน + 37 ล้าน = 74 ล้าน = 148,000 จากนั้น นำคะแนนเขตทั้งหมดพรรค ก + คะแนนพรรคทั้งหมดพรรค ก คะแนนเฉลี่ย ต่อ ส.ส.พึงมี 1 คน ตัวอย่าง = 1,000,000+800,000 หารด้วย 148,000 = 1,800,000 ÷148,000 = 12.16 คน ส่วนวิธีหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก ก็ให้นำจำนวน ส.ส.พึงมีพรรค ก – จำนวน ส.ส. เขต พรรค ก. ตัวอย่าง = ส.ส.พึงมี (12.16 คน) – ส.ส.เขต (7) = ส.ส.บัญชี 5 คน
#เลือกตั้งสส
#ศาลรัฐธรรมนูญ