WHO เปลี่ยนชื่อ'โรคฝีดาษลิง'เป็น'mpox' ขจัดความเข้าใจผิดต้นตอของโรค

29 พฤศจิกายน 2565, 10:25น.


          หลังจากเมื่อช่วงต้นปีนี้ องค์การอนามัยโลก(WHO) จัดโครงการให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมเสนอการตั้งชื่อใหม่สำหรับเรียกแทนชื่อ monkeypox (โรคฝีดาษลิง) ปรากฏว่า มีผู้เสนอชื่อใหม่มากกว่า 200 ชื่อ โดยชื่อว่า เอ็มพ็อกซ์(mpox) หรือ Mpox ซึ่งเสนอโดยองค์กรส่งเสริมสุขภาพอนามัยของชายชื่อ เรโซ (RÉZO)ของแคนาดาและอีกหลายองค์กร เป็นชื่อที่มีผู้เสนอเข้ามามากที่สุด โดยผู้อำนวยการองค์กรเรโซ ให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนชื่อใหม่จะช่วยขจัดความเข้าใจผิดในเรื่องต้นตอของโรคว่าแพร่จากลิง เพื่อให้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น 



         การเปลี่ยนชื่อใหม่ WHO จะใช้ในเอกสารที่มีการเผยแพร่ทางออนไลน์ใน1-2 วันนี้ ส่วนในเอกสารทางการที่จะเผยแพร่จะใช้ชื่อ mpox ในปีหน้า 



          รอยเตอร์รายงานอ้างแถลงการณ์จาก WHO ว่า WHO เปลี่ยนชื่อโรคฝีดาษลิง (monkeypox)มาเป็น โรคเอ็มพ็อกซ์(mpox) พร้อมรณรงค์ให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกใช้ชื่อใหม่ หลังได้รับการร้องเรียนจากหลายฝ่ายว่า ชื่อโรคฝีดาษลิงที่ใช้มาแต่เดิม มีลักษณะการเหยียดเชื้อชาติ อีกทั้งตีตรากลุ่มชายรักชายว่าเป็นต้นเหตุแพร่เชื้อไวรัส คณะผู้เชี่ยวชาญของ WHO ระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของ WHO เลือกชื่อ เอ็มพ็อกซ์ หลังพิจารณาองค์ประกอบต่างๆรวมถึงความเหมาะสมในเชิงวิทยาศาสตร์ ตลอดถึงการออกเสียง และองค์ประกอบอื่นๆ



          ทั้งนี้ สหรัฐฯเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศและองค์กรที่เสนอให้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่สำหรับโรคฝีดาษลิง ยินดีในโอกาสที่ WHO ประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่สำหรับโรคฝีดาษลิง โดยนายซาเวียร์ เบเซอร์รา รัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการประชาชนของสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทลายอุปสรรคต่างๆในทางสาธารณสุข ทั้งแก้ปัญหาเรื่องการตีตราคนไข้ที่แพร่โรคนี้เช่น กลุ่มชายรักชาย นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญในการทำงาน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคเอ็มพ็อกซ์ในสหรัฐฯและทั่วโลก



          สำหรับโรคเอ็มพ็อกซ์ พบครั้งแรกเมื่อปี 2501 ในตอนแรกมีการตั้งชื่อตามสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคว่า โรคฝีดาษลิง ส่วนใหญ่แพร่ระบาดในแถบตะวันตกและตอนกลางของทวีปแอฟริกา จนกระทั่งปีนี้ โรคเอ็มพ็อกซ์ เริ่มแพร่ระบาดใน 100 ประเทศ มีผู้ป่วยกว่า 80,000 คนทั่วโลก ในจำนวนนี้เกือบ 30,000 คนอยู่ในสหรัฐฯ กลายเป็นโรคระบาดใหม่ ไม่ใช่โรคระบาดประจำถิ่นในแอฟริกาอีกต่อไป



 



#องค์การอนามัยโลก



#โรคเอ็มพ็อกซ์



#โรคฝีดาษลิง

ข่าวทั้งหมด

X