*ดีเอสไอ พบการทำสัญญาในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนปลอม33ฉบับ*

หลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)คดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีพิเศษอาญา3 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่พบว่ามีการทำสัญญากู้ยืมเงิน 33 ฉบับ เกี่ยวข้องกับบุคคลและนิติบุคคล 28 บริษัท ซึ่งสัญญามีวงเงินสอดคล้องกับจำนวนเงินในเช็ค 878 ฉบับ วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาทที่นายศุภชัยสั่งจ่ายออกไปจากสหกรณ์ โดยจากการตรวจสอบสัญญากู้เงินส่วนใหญ่เป็นการลงลายมือชื่อปลอม ขณะนี้มีพยาน 2-3 บริษัทที่ออกมาแสดงตัวว่าถูกปลอมแปลงลายมือชื่อไปขอกู้เงิน และบางบริษัทที่มีชื่อนายศุภชัยเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเข้ามาทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ เบื้องต้นดีเอสไอเชื่อว่าการทำสัญญา 33 ฉบับดังกล่าวไม่มีจริง แต่ทำขึ้นเพื่อปกปิดการสั่งจ่ายเช็ค 878 ฉบับ โดยขณะนี้การสอบสวนคืบหน้าไปมากคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนสั่งฟ้องได้หลังวันหยุดเทศกาลสงกรานต์  พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวถึงการออกหมายเรียกพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน เนื่องจากต้อง รอ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงิน เป็นผู้นัด มีรายงานว่าจะเป็นวันที่ 7 เม.ย.ทั้งนี้ ในวันที่ 7 เม.ย. พระวิรัตน์ ได้รับทราบหมายเรียกและจะมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน ส่วนการเสนอให้รับกรณีโอนที่ดินบริเวณคลองหลวง จ.ปทุมธานี ของนายศุภชัย ให้กับน.ส.อลิสา อัศวโภคิน ทายาทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รวมถึงกรณีการโอนทรัพย์สินจากนายศุภชัยไปให้กับนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เป็นคดีความผิดฐานฟอกเงินแยกจากคดียักยอกทรัพย์ ต้องรอที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษเสนออธิบดีดีเอสไอ พิจารณาเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษให้มีมติรับคดีไว้สอบสวน