การส่งออกไทยเดือนตุลาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2565 ลดลง ร้อยละ 4.4 พบว่ามีมูลค่า 21,772.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ลดลง 2.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 20 เดือน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 ขณะที่ตัวเลขการส่งออกไทย 10 เดือนแรก ยังขยายตัวได้ที่ร้อยละ 9.1 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และ ยุทธปัจจัย ขยายตัว ร้อยละ 7.4
ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 22,368.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.1% ส่งผลให้ไทย ขาดดุลการค้า 596.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม - ตุลาคม) ไทยขาดดุลการค้า 15,581.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกลดลง มาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง การใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของผู้บริโภค และตลาดจีน ที่ยังคงใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การส่งออกสินค้าในหลายหมวด ชะลอตัวลง รวมไปถึงแรงเสียดทานจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มกระทบถึงปี 2566
อย่างไรก็ดี การส่งออกยังมีปัจจัยบวกจากภาวะเงินบาทอ่อนค่า และค่าระวางเรือที่เริ่มปรับเข้าสู่สมดุล ขณะที่การส่งออก 2 เดือนยังไม่สามารถประเมินได้ว่าการส่งออก จะหดตัวหรือไม่ แต่เชื่อว่าการส่งออกทั้งปี 2565 จะขยายตัวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4% ซึ่งเชื่อว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว ทั้งการขยายตัวและมูลค่าการส่งออก
สำหรับ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลดลงร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงในรอบ 23 เดือน แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่
-ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย)
-ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 (ขยายตัวในตลาดจีน ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย)
-ทุเรียนแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 ขยายตัว ต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน)
-เครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดเวียดนาม เมียนมา สิงคโปร์ จีน และมาเลเซีย)
-ไอศกรีม เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 29 เดือน (ขยายตัว ในตลาดกัมพูชา เกาหลีใต้ เวียดนาม ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์)
-กล้วยไม้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน (ขยายตัวในตลาดเวียดนาม สหรัฐฯ อิตาลี บราซิล และเกาหลีใต้)
-อาหารสัตว์เลียง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 38 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเยอรมนี)
-ข้าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก จีน แอฟริกาใต้ เซเนกัล และญี่ปุ่น)
-อาหารทะเลกระป๋องและ แปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซาอุดีอาระเบีย ลิเบีย และเกาหลีใต้)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่
-ผลไม้สดและผลไม้แห้ง ลดลงร้อยละ 34.9 ลดลงต่อเนื่อง 4 เดือน (ลดลงในตลาดจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง และสหรัฐ แต่ขยายตัว ในตลาดฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และออสเตรเลีย)
-ยางพารา ลดลงร้อยละ 28.5 ลดลงต่อเนื่อง 3 เดือน (ลดลงในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ตุรกี และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี โรมาเนีย และโปแลนด์)
-ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ลดลงร้อยละ 11.3 ลดลงครั้งแรกในรอบ 18 เดือน (ลดลงในตลาดสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และกัมพูชา แต่ขยายตัวในตลาดจีน รัสเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเมียนมา)
ทำให้ 10 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวในรอบ 20 เดือน แต่ยังมีสินค้า สำคัญที่ขยายตัวดี อาทิ
-เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.6% ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์)
-อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 74.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม อินเดีย จีน และไต้หวัน)
-รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัว 14.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ กัมพูชา เบลเยียม และออสเตรเลีย)
สำหรับตลาดส่งออกในเดือนต.ค. 3 อันดับแรก คือ สวิตเซอร์แลนด์ร้อยละ 103.5 รองลงมาคือ ซาอุดีอาระเบีย ร้อยละ 49.6 และ ลาว ร้อยละ 28.8
ขณะที่สินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ลดลงร้อยละ 22.8 ลดลงต่อเนื่อง 3 เดือน (ในตลาดจีน เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย และกัมพูชา แต่ขยายตัวในตลาดลาว) เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ลดลงร้อยละ 27.4 กลับมาลดลงในรอบ 3 เดือน (ในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวในตลาดจีน ไต้หวัน ไอร์แลนด์ อินเดีย และออสเตรเลีย) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 13.1 ลดลงต่อเนื่อง 2 เดือน (ในตลาดญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม และจีน แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย แคนาดา ลาว และกัมพูชา) ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2565 การ ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 7.8
แนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยยังสามารถบรรลุกรอบเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีปัจจัยหนุนจากต้นทุนด้านพลังงานที่เริ่มลดลง ค่าระวางเรือขนส่งสินค้าที่เข้าสู่สมดุล ชิปประมวลผลที่มีมากขึ้น เพียงพอต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยีเพื่อการส่งออก การขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยที่ส่งผลดีต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และเงินบาทที่ยังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับคู่ค้าหลักของไทย
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการหดตัวของอุปสงค์ในคู่ค้าสำคัญ ความไม่แน่นอน ที่เกิดจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงความไม่สงบในยูเครนที่ยังคงอยู่ เป็นปัจจัยเฝ้าระวังที่กระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
#เศรษฐกิจไทย
อ่านต่อ:https://shorturl.asia/4BDLG