จีน เพิ่มมาตรการคุมโควิดในกรุงปักกิ่ง ยอดติดเชื้อใกล้แตะระดับสูงสุด

           โรคโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ในจีน ในรอบ 24  ชั่วโมง มีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศ 28,127 คนรวมถึงผู้ป่วยรายใหม่ 1,438 คนในกรุงปักกิ่ง ภาพรวมการแพร่ระบาดในระยะนี้ใกล้แตะสถิติตัวเลขผู้ป่วยใหม่รายวันสูงที่สุดของจีนคือ 29,411 คน เมื่อวันที่ 14 เมษายน ซึ่งหลายฝ่ายหวั่นวิตกว่า การระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้อาจจะกระทบเศรษฐกิจจีนในปีนี้

          รอยเตอร์ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกรุงปักกิ่งว่า กรุงปักกิ่งมีคำสั่งให้ปิดสวนสาธารณะ รวมทั้งสวนเฉาหยาง พิพิธภัณฑ์และสวนสนุกแฮปปี้ วัลเลย์(Happy Valley)ในกรุงปักกิ่งตั้งแต่วันนี้(22 พ.ย.65) จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งยกระดับมาตรการควบคุมโรคให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น กำหนดให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาที่กรุงปักกิ่งจากเมืองและมณฑลอื่นๆทั่วประเทศ ตรวจโรคโควิด-19 สามวันติดต่อกัน ก่อนเดินทางเข้ามาในพื้นที่

          ขณะเดียวกัน หลายเมืองที่เป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดระลอกใหม่ เช่น กรุงปักกิ่ง เมืองกวางเจา มณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ และเมืองฉงชิ่งทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ได้จัดโครงการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 รอบใหม่เพื่อตรวจโรคสำหรับประชาชน นอกจากนี้ มีผู้ป่วยเสียชีวิตอีก 2 ราย เป็นชายวัย 88 ปีหนึ่งรายและหญิงวัย 90 ปี ทั้งสองรายอยู่ในกรุงปักกิ่ง เทียบกับ 3 ราย ที่เสียชีวิตเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการเสียชีวิตรายแรกๆนับแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้

          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนแนะนำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นปรับนโยบายลดโรคเหลือ 0 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน แนะนำให้จัดทำแผนควบคุมการแพร่ระบาด เช่น ให้ล็อกดาวน์แต่เฉพาะท้องที่ที่พบการแพร่ระบาด แทนการใช้วิธีประกาศล็อกดาวน์ครอบคลุมทั้งเมือง หรือมณฑล เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของจีนและลดความรู้สึกที่ประชาชนในพื้นที่ล็อกดาวน์ไม่พอใจ

          ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ ระบุว่า เทศบาลและเมืองต่างๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.9 ของจีดีพีของจีนอยู่ในช่วงถูกล็อกดาวน์ ภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของจีนในสัปดาห์นี้ เพิ่มจากร้อยละ 15.6 เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่หวังว่า การที่ทางการจีนมีนโยบายการควบคุมโรคโดยจำกัดพื้นที่ให้แคบเฉพาะศูนย์กลางแพร่ระบาดนับว่าเป็นการผ่อนคลายที่มีนัยสำคัญ

         แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองท่าทีเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในจีน ธุรกิจรายย่อยส่วนมากหวั่นเกรงว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถประคองกิจการไปได้จนถึงปีหน้า เนื่องจาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน

#จีน

#โควิด