สภาพัฒน์ฯจีดีพีไตรมาสที่3ของปีนี้ โตร้อยละ 4.5 เตือนปัญหาหนี้ครัวเรือนเหมือนระเบิดเวลา

21 พฤศจิกายน 2565, 12:12น.


          สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ จีดีพี ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อยู่ที่ ร้อยละ 4.5 สูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดเช้านี้ เพิ่มขึ้น 5.15 จุดที่ 1,622.53 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 31,263.06 ล้านบาท       



          ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 65 คาดว่า จะขยายตัว 3.2% เร่งขึ้นจาก 1.5% ในปี 64 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อปี 65 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.3% การส่งออก ขยายตัว 7.5% การนำเข้า ขยายตัว 17.8% ดุลการค้าเกินดุล 19.1 พันล้านดอลลาร์ และขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 3.6% ต่อ GDP โดยคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 65 จะอยู่ที่ 5.7 แสนล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.2 ล้านคน





          นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวถึง ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 65 และ 66  คือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เพราะเมื่อเราผ่อนคลายการเดินทางแล้ว เปิดประเทศเต็มที่ การเดินทางระหว่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การขยายตัวของการลงทุน ทั้งรัฐและเอกชนยังขยายตัวได้ดี ซึ่งได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในปี 63 และ 64 ค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้าเร่งลงทุนในปีหน้าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง



          สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 65 นายดนุชา มองว่า อาจไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ออกมา เนื่องจากในช่วงปลายปีนี้ ถึงต้นปี 66 แต่ละกระทรวงจะมีการทำมาตรการของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งมาตรการที่ออกมา อาจจะไม่ใช่มาตรการใหม่ แต่เป็นมาตรการช่วยเรื่องการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน



          ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 66 คาดว่า จะขยายตัวได้ 3-4% ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของปีหน้า คือ ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลต่อความตึงตัวในตลาดการเงินโลก



       นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ แนวโน้มการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดของเศรษฐกิจจีน จากนโยบาย Zero Covid และปัญหาหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในปี 65 เฉลี่ยที่ 35.20 บาท/ดอลลาร์ในปี 66 เฉลี่ยที่ 35.50-36.50 บาท/ดอลลาร์



          สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น สภาพัฒน์ มองว่า ขณะนี้การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ครัวเรือนมีกำลังในการใช้จ่ายที่เพียงพอขึ้น แต่การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว  ปัญหาหนี้ครัวเรือน ยังไว้วางใจไม่ได้ ต้องแก้ไปเรื่อยๆ หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลา ต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้ความเข้าใจต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดการก่อหนี้เกินตัวไปเรื่อยๆ และเกิดปัญหาในระบบเศรษฐกิจตามมา



 



CR:สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  



#เศรษฐกิจไทย



อ่านฉบับเต็ม https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=13214&filename=QGDP_report

ข่าวทั้งหมด

X