*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

02 เมษายน 2558, 06:47น.


+++ทางการฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนภัยซูเปอร์ไต้ฝุ่น ไม้สัก(MAYSAK)  ที่มีความรุนแรงอยู่ในระดับ 5 มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะพัดขึ้นฝั่งทางตอนกลางหรือตอนเหนือของเกาะลูซอน ที่อยู่เหนือสุดของประเทศ ในอีก 72 ชั่วโมง นับจากเมื่อวานนี้  ซึ่งจะตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์นี้ เจ้าหน้าที่เตือนประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของลูซอน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปจุดดังกล่าวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ที่จะเริ่มในวันพฤหัส ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และจัดเตรียมสิ่งของจำเป็นเช่นยาและอาหาร แม้คาดว่าพายุจะอ่อนกำลังลงเมื่อพัดขึ้นฝั่ง แต่เชื่อว่าจะยังคงมีความรุนแรง คาดว่า อิทธิพลของพายุจะสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่เพาะปลูกข้าวและข้าวโพด แม้อาจจะไม่มากก็ตาม เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน ก.พ.



+++หน่วยกู้ภัยเมียนมาร์เมืองผากั้น ในรัฐกะฉิ่นทางตอนเหนือของประเทศ เร่งค้นหาและช่วยเหลือคนงานอีกกว่า 20 คน ที่ติดอยู่ในหลุมขุดเหมืองหยกที่พังถล่มลงมาบางส่วนเมื่อวันจันทร์ เมียนมา อาลินน์ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานราว 30 คนติดอยู่ในเหมืองที่ทำมีลักษณะคล้ายผาสูง 300 ฟุต เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 9ศพ ขณะที่ การค้นหาและช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ ร้อยละ 90 ของหยกประเภทเจไดต์มาจากเมืองผากั้น ซึ่งถือเป็นแหล่งหยกที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์ที่สร้างรายได้สูงถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 1 แสน10,504 ล้านบาท จากงานประมูลขายอัญมณีประจำปีเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว



+++ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้รุนแรง บนแท่นผลิตน้ำมันอับคาตุน เอ-เพอร์มาเนนเต ของบริษัทปิโตรลีออส เม็กซิกาโนส์ หรือ พีเม็กซ์ บริษัทน้ำมันของรัฐบาลเม็กซิโก ในทะเลอ่าวเม็กซิโก นอกชายฝั่งรัฐกัมเปเชและรัฐตาบาสโก ทางภาคตะวันออก บริษัทประสานขอความช่วยเหลือจากกองทัพเรือ ซึ่งส่งเรือดับเพลิงและเฮลิคอปเตอร์เข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัย โดยเรือดับเพลิงทั้งหมด 8 ลำ ระดมฉีดน้ำสกัดไฟ    เบื้องต้นพบคนงานเสียชีวิตจากเพลิงไหม้อย่างน้อย 4 ศพ บาดเจ็บ 45 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลของบริษัทพีเม็กซ์ บนฝั่งในเมืองซิอูดัด เดอ คาร์เมน และได้รับการช่วยเหลืออพยพออกจากแท่นปลอดภัยประมาณ 300 คน คนงานหลายคนที่รอดชีวิตกล่าวว่า ขณะที่เพลิงโหมลุกไหม้ลามอย่างรุนแรง เห็นเพื่อนคนงานหลายคนกระโดดหนีไฟจากบนแท่นลงทะเลข้างล่าง แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด และเรือกู้ภัยกำลังค้นหาเพื่อช่วยเหลือ   พนักงานตัวแทนบริษัทพีเม็กซ์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่า มีน้ำมันรั่วไหลออกสู่ทะเลมากน้อยเพียงใด



+++องค์การบินพลเรือนยูเออี กำลังสอบสวน กรณีที่เครื่องบินโดยสาร 2 ลำ ซึ่งเป็นสายการบินของยูเออีทั้งคู่ เสี่ยงชนกันกลางอากาศ เพราะบินเข้าใกล้กันมากเกินไป บนน่านฟ้าเมืองมุมไบของอินเดีย เมื่อวันอาทิตย์ เหตุเกิดเมื่อเครื่องบินโดยสารเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส สายการบินขนาดใหญ่สุดของตะวันออกกลาง มีฐานอยู่ที่เมืองดูไบ เที่ยวบิน อีเค 706 กำลังเดินทางจากประเทศหมู่เกาะเซเชลล์ ในมหาสมุทรอินเดีย มุ่งหน้าสู่เมืองดูไบ สวนทางกับเครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ320 ของเอธิฮัด แอร์เวย์ ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองอาบูดาบี เที่ยวบิน อีวาย 622 เดินทางจากอาบูดาบีสู่เซเชลล์ ในเขตน่านฟ้าเมืองมุมไบ ทางภาคตะวันตกตอนกลางของอินเดีย เครื่องบินทั้ง 2 ลำสวนทางกันในระยะใกล้มาก จนระบบเตือนภัยในห้องนักบินส่งเสียงดังเตือน ในระดับ คำแนะนำการแก้ไขปัญหา ซึ่งร้ายแรงกว่าระดับ คำแนะนำด้านการจราจร โดยระดับหลังระบบจะบอกให้นักบินปฏิบัติการฉุกเฉิน เช่น นำเครื่องบินไต่ระดับสูงขึ้น หรือลดระดับต่ำลง เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับเครื่องบินลำอื่น



+++มีการเปิดเผย คลิปวิดีโอเหตุการณ์ในช่วงนาทีสุดท้าย ก่อนเครื่องบินโดยสารสายการบินเจอรมันวิงส์ เที่ยวบิน 4ยู 9525 พุ่งเข้าชนเทือกเขาแอลป์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยบางตอนของคลิปนี้มีเสียงกรีดร้องตื่นตกใจของผู้่โดยสาร ที่รู้ชะตากรรมว่าตัวเองกำลังจะถึงจุดจบ พร้อมกับมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ทั่วห้องโดยสารอย่างน่าเศร้าสลด คลิปดังกล่าวถ่ายด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ที่เจ้าหน้าที่กู้ได้จากบริเวณซากเครื่องบินแอร์บัสเอ320 ตก ในเทือกเขาแอลป์เมื่อวานนี้ คลิปมีความยาวไม่กี่วินาที แต่แสดงให้เห็นว่าผู้โดยสารบนเที่ยวบิน  รู้ตัวดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ขณะที่เครื่องบินลดระดับลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว และพุ่งชนปะทะภูเขา คร่าชีวิตผู้โดยสารกับลูกเรือหมดทั้งลำ 150 ศพ และเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดเสียชีวิตในทันทีสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงหวีดร้อง และเสียงอ้อนวอนพระเจ้าในหลายภาษา อีกทั้งยังมีเสียงทุบโลหะดังไม่ต่ำกว่า3 ครั้ง



+++ด้านตำรวจฝรั่งเศสยืนยันกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า รายงานข่าวของสื่อฝรั่งเศสและเยอรมนีที่อ้างว่าวีดิทัศน์ดังกล่าวเป็นของจริงที่กู้ได้จากซากที่พบในเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันอังคารที่แล้ว เป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิงและไร้มูล ด้านอัยการเมืองมาร์กเซยของฝรั่งเศส กล่าวว่า หากใครมีวีดิทัศน์ดังกล่าวจริงจะต้องส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่สอบสวนโดยทันที



+++นายฮอสเซน อามีร์ อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอิหร่านกล่าวเรียกร้องให้นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น)  ทำทุกทางที่ทำได้เพื่อยับยั้งการที่ซาอุดีอาระเบียนำกำลังกลุ่มพันธมิตรโจมตีทางอากาศในเยเมน สำนักข่าวของทางการอิหร่าน รายงานอ้างคำกล่าวของนายอับดอลลาเฮียนว่า การเจรจาระดับชาติโดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอกเป็นทางเดียวในการหาทางออกทางการเมือง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอิหร่านและนายบันหารือนอกรอบการประชุมระหว่างประเทศในคูเวต ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือวิกฤตมนุษยธรรมในซีเรีย ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียนำปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อขับไล่กลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนซึ่งควบคุมพื้นที่ในกรุงซานาและกำลังสู้รบกันที่เมืองเอเดนซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของประธานาธิบดีอาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดีแห่งเยเมนที่ซาอุดีอาระเบียสนับสนุน 



+++การเจรจานิวเคลียร์อิหร่านจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยๆจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 2 วันหลังจากเส้นตายเดิมผ่านพ้น ด้วยนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ปักหลักในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อพูดคุยหารือต่อ แม้รัฐมนตรีต่างประเทศหลายชาติเดินทางกลับกันบ้างแล้ว       การเจรจาระหว่างมหาอำนาจ 6 ชาติที่เรียกว่ากลุ่ม P5+1 อันประกอบด้วยสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย บวกกับอีกมหาอำนาจคือเยอรมนี กับอิหร่าน ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังดำเนินต่อไปตั้งแต่เมื่อวานนี้  แม้จะผ่านเส้นตายต้องบรรลุข้อตกลงที่กำหนดไว้เองในวันที่ 31 มีนาคมมาแล้วก็ตาม ช่วงค่ำวันพุธ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พยายามสร้างความคืบหน้า แต่ยังไม่บรรลุความเข้าใจทางการเมือง เพราะฉะนั้นนายแคร์รี่  จึงจะอยู่ในโลซานน์ต่อไปจนถึงอย่างน้อยเช้าวันพฤหัสบดี เพื่อเจรจากันต่อ กลุ่ม P5+1 ต้องการหยุดยั้งไม่ให้อิหร่านสามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ได้ แลกเปลี่ยนกับการผ่อนคลายมาตรการลงโทษของนานาชาติที่กัดกินเศรษฐกิจอิหร่านอย่างรุนแรง ถึงแม้เตหะรานนั้นยืนกรานว่า โครงการนิวเคลียร์ของตัวเองมีจุดประสงค์เพื่อสันติก็ตาม      

+++สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า สำนักงานอัยการเขตกรุงโซลกลางของเกาหลีใต้ ตั้งข้อหาพยายามฆ่า ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทูตต่างชาติ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม แก่นายคิม คี-จอง วัย 55 ปี จากเหตุอุกอาจที่เขาบุกเข้าประชิดตัวนายมาร์ค ลิพเพิร์ต เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงโซล และใช้มีดกรีดใบหน้าและแขนจนเป็นบาดแผลลึก เมื่อวันที่ 5 มี.ค.  ซึ่งนายมาร์คต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนานถึง 5 วันเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า การพิจารณาคดีจะมีขึ้นภายใน 14 วัน หรืออย่างเร็วที่สุดอาจเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยนายคิมอาจถูกดำเนินคดีฐานละเมิดกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ประชาชน ฝักใฝ่หรือให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันมาก ตำรวจระบุว่า นายคิมจงใจพุ่งเป้าไปที่นายมาร์ค เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐ เกาหลีเหนือแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการซ้อรบร่วมกันของ 2 ประเทศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นความพยายามยั่วยุ ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้ยืนยันว่าเจตนาของปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปเพื่อยกระดับมาตรการป้องกันเท่านั้น



+++รัฐบาลเกาหลีใต้ โดยกระทรวงมหาสมุทรและการประมง ประกาศจะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน แก่ญาติของเด็กนักเรียนมัธยมปลาย 250 ศพ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือโดยสารเซวอลล่ม ในทะเลนอกชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตก เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว รายละ 425.8 ล้านวอน (ประมาณ 12,345,000 ล้านบาท) ส่วนครูที่เดินทางไปกับนักเรียนและเสียชีวิต 11 ศพ ญาติจะได้รับเงินชดเชยศพละประมาณ 763.9 ล้านวอน (22,506,444 ล้านบาท) โดยจำนวนเงินที่ได้รับมากกว่าเด็กนักเรียน เนื่องจากคิดคำนวนจากเงินเดือนรายได้และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่พึงจะได้รับ จนถึงเกษียณอายุราชการ หากไม่เสียชีวิต ส่วนผู้โดยสารรายอื่นๆ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกัน ญาติจะได้รับเงินระหว่าง 150 ล้านวอน - 600 ล้านวอน ขึ้นอยู่กับอายุและรายได้  อย่างไรก็ตาม นายยู คุง - เคือน ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชมรมครอบครัวเหยื่อเซวอล กล่าวว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะไม่รับเงิน จนกว่าจะทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างแท้จริง และกู้เรือขึ้นจากใต้ทะเลได้สำเร็จ



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X