คณะกรรมการความปลอดภัยขนส่งแห่งชาติ (KNKT)ในฐานะคณะผู้สอบสวนของอินโดนีเซีย เปิดเผยผลสอบสวนอุบัติเหตุทางเครื่องบินฉบับเต็มในวันนี้ ระบุว่า อุบัติเหตุของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-500 ของสายการบินศรีวิจายา แอร์ (Sriwijaya Air) เที่ยวบิน SJ182 ตกในทะเลชวาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 มีคนเสียชีวิตยกลำ 62 ราย เกิดจากระบบควบคุมเครื่องยนต์อัตโนมัติ (autothrottle system)ขัดข้อง และความบกพร่องของนักบิน
ในวันเกิดเหตุเครื่องบินดังกล่าวตกในทะเล ไม่กี่วินาทีหลังบินออกจากสนามบินกรุงจาการ์ตา นับเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งที่ 3 ของอินโดนีเซียในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ระบุว่า เครื่องบินดังกล่าวมีอายุใช้งาน 26 ปี นักบินตรวจพบระบบควบคุมเครื่องยนต์อัตโนมัติขัดข้องไม่นานก่อนเครื่องบินจะบินออกจากสนามบิน ส่งผลให้เครื่องบินเอียง และบินออกนอกเส้นทางอย่างฉับพลัน ก่อนร่วงจากระดับความสูง 3,000 เมตร(หรือ 10,000 ฟุต)ดิ่งลงสู่ทะเลชวา
KNKT ระบุว่า ก่อนเครื่องบินจะตก มีคำเตือนจากลูกเรือชุดก่อนแจ้งว่า พบระบบควบคุมเครื่องยนต์อัตโนมัติของเครื่องบินไม่ทำงาน และมีการซ่อมบำรุงเสร็จแล้ว ก่อนทำการบิน ทีมสอบสวน ระบุว่า นักบินทำงานบกพร่องที่ไม่หาทางแก้ไขปัญหาให้ทันกับสถานการณ์ หลังพบเครื่องบินบินเฉียงออกจากเส้นทางบิน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรู้สึกเฉื่อยชา ไม่ได้สังเกตความผิดปกติตั้งแต่แรกก็เป็นได้ นอกจากนี้ ทีมสอบสวนระบุว่าสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดจากการไม่มีการฝึกอบรมนักบินในเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ซึ่งต่อมา สายการบินได้ฝึกซ้อมนักบินในเรื่องนี้ หลังเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
กรณีเครื่องบินโดยสารของศรีวิจายาแอร์ตก ตอกย้ำถึงประวัติความปลอดภัยทางเครื่องบินที่ย่ำแย่ของอินโดนีเซีย มีเครื่องบินโดยสารตก 3 ลำในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เช่น ในปี 2557 เครื่องบินโดยสารของแอร์เอเชีย เที่ยวบิน A320 ตกในทะเลชวา ขณะสภาพอากาศแปรปรวน มีคนเสียชีวิตยกลำ 162 ราย อีก 4 ปีต่อมาคือ ปี 2561 เครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ของสายการบินไลอ้อนแอร์ตกสู่ทะเล มีคนเสียชีวิต 189 ราย
#อินโดนีเซีย
#ผลสอบสวนฉบับเต็ม
#เครื่องบินตก