เครื่องบินแทนซาเนีย ตกในทะเลสาบ คาดเกิดจากฝนตกหนัก เสียชีวิต 19 ราย

          ความคืบหน้าเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินพรีซิชั่น แอร์ ในแทนซาเนีย ประเทศที่อยู่บนชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาเที่ยวบิน PW 494 เดินทางจากเมืองดาร์เอสซาลาม เมืองหลวงด้านการค้าของแทนซาเนีย ปลายทางเมืองบูโคบา ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เกิดเหตุตกในทะเลสาบวิกตอเรีย ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีพายุฝนฟ้าคะนอง รายงานระบุว่า เหลืออีกแค่ 90 เมตรจะถึงสนามบินและลงจอดอยู่แล้ว

         ผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบวิกตอเรีย บันทึกภาพเป็นคลิปวิดีโอ เป็นภาพเครื่องบินจมอยู่ในน้ำ โดยมีเรือของหน่วยฉุกเฉิน อยู่ระหว่างการให้ความช่วยเหลือ

         สายการบินพรีซิชั่น แอร์ รายงานว่า เครื่องบินบรรทุกคนบนเครื่อง 43 คน ประกอบด้วย ผู้โดยสาร 39 คน นักบิน 2 คน และพนักงานต้อนรับ 2 คน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 19 ราย ช่วยผู้รอดชีวิตได้ 24 คน สายการบินขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนๆของผู้โดยสารและลูกเรือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้า ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของทุกคนจนกว่าจะแจ้งให้ครอบครัวได้รับทราบ

         นายแพทริค เอ็มวานรี ซีอีโอสายการบินพรีซิชั่น แอร์ เปิดเผยด้วยความรู้สึกเสียใจ เครื่องบินออกเดินทางเวลา 06.00น.ตามเวลาท้องถิ่น และคาดหมายว่าจะเดินทางถึงเมืองบูโคบา ตอน 08.30น. แต่เมื่อเวลา 08.53น. ศูนย์ควบคุมปฏิบัติการ ได้รับรายงานว่าเครื่องบินเดินทางมาไม่ถึง  เชื่อว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นตอนที่เครื่องบินพร้อมทำการร่อนลงสู่สนามบิน ซึ่งรันเวย์อยู่ถัดจากทะเลสาบวิกตอเรีย   

          เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระบุว่า สภาพอากาศเลวร้ายอาจมีส่วนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงตอนที่เกิดเหตุ

          นายกรัฐมนตรีคาสซิม มาจาลิวา เปิดเผยว่า ทีมแพทย์และหน่วยงานด้านความมั่นคง อยู่ระหว่างการตรวจเอกสารและของใช้ส่วนตัวเพื่อพิสูจน์ทราบรายละเอียดของทุกคน ในส่วนผู้เสียชีวิตจะรีบแจ้งให้ครอบครัวได้รับทราบ

          ด้านประธานาธิบดีซามีอา ซูลูฮู ฮัสซัน ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ ขอแสดงความเสียใจกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ปฏิบัติการกู้ภัยยังดำเนินต่อไป 

#เครื่องบินตกในแทนซาเนีย

CR:CNN,Reuters