ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงร้อยละ 1.81 แตะที่ระดับ 110.8770 ในวันศุกร์ ส่งผลทำให้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อคืนนี้ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะสัญญาน้ำมันมีราคาถูกลง สำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ รวมถึงปัจจัยที่นักลงทุนมีความหวังว่า จีนจะเปิดประเทศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 4.44 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 5 ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.4 ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 4.1 ปิดที่ 98.57 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.1% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,403.22 จุด เพิ่มขึ้น 401.97 จุด ปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง มาจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง แต่ก็ชะลอตัวจากระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.5% ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด และการที่สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
#สหรัฐ
#ราคาน้ำมันโลก
#หุ้นสหรัฐ