ข้อมูลจากเว็บไซต์ด้านการเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือ United States Elections Project ของมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เปิดเผยว่า อีก 5 วันจะถึงวันเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ แต่ประชาชนเกือบ 32 ล้านคนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทั่วประเทศ ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า ประชาชนจำนวนมากตื่นตัวทางการเมือง ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อเทียบกับสถิติการเลือกตั้งล่วงหน้าในปี 2561 โดยเฉพาะผู้ลงคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์มีสัดส่วนที่มากกว่าผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าตามคูหาเลือกตั้งต่างๆทั่วประเทศ
ผลสำรวจของสถาบันแกลลัฟโพล ระบุว่า ร้อยละ 41 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า เพิ่มจากร้อยละ 34 ในการเลือกตั้งปี 2561 มีแนวโน้มว่า ชาวอเมริกัน ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ก่อนหน้านี้ รัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐฯจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งตัวเลขการใช้สิทธิ์เลือกตั้งในปีนี้สูงเท่าๆกับช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรุนแรง และในขณะนั้นยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
การที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก เมื่อครั้งเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 ทำให้ผู้นำขณะนั้นคือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ อ้างว่า อาจมีการโกงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์โดยเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆ ส่งผลให้คะแนนนำของเขาในตอนแรก ค่อยๆลดลงเรื่อยมาจนกระทั่งพ่ายการเลือกตั้งให้กับคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตคือ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบัน แต่เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งของสหรัฐฯยืนยันในมาตรการเก็บรักษาบัตรลงคะแนนและการนับคะแนนว่า มีความมั่นคง โปร่งใส และเที่ยงธรรม
#สหรัฐฯ
#การเลือกตั้งล่วงหน้า
#การเมืองสหรัฐฯ