บีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนี อยู่ระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เสนอให้มีการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งสองอย่างเท่าเทียม และเกิดผลดีแก่ประเทศทั้งสอง นับเป็นผู้นำจากสมาชิกกลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ(จี-7)ประเทศแรกที่มาเยือนจีน นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในจีนเมื่อ 3 ปีก่อน
ก่อนการเยือนครั้งนี้ นายโชลส์ กล่าวว่า การเยือนจีนของเขามุ่งจะค้นหาแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสองว่าสามารถจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ระบุว่า ทั่วโลกล้วนต้องการความร่วมมือจากจีนในการแก้ไขปัญหาสำคัญระดับโลกเช่น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ระบุว่า ถ้าท่าทีของจีนในเรื่องต่างๆแปลงไปในเชิงบวก นโยบายด้านสัมพันธ์กับจีนของรัฐบาลเยอรมนีก็จะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวว่าประเทศทั้งสองควรจะทำงานร่วมกันในห้วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง และมีปัญหาวุ่นวายต่างๆทั่วโลกในปัจจุบัน ทั้งนี้ จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี อีกทั้งสัมพันธ์กับจีนส่งผลดีต่อการจ้างงานในเยอรมนีเช่น บริษัทเดมเลอร์ ไครสเลอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์จากเยอรมนีขายรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนกว่าหนึ่งในสามส่วนของรถยนต์ทั้งหมดในตลาดจีน
การเยือนจีนครั้งนี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเยอรมนี เช่น พรรคกรีนส์ ซึ่งเสนอให้รัฐบาลใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีน ขณะเดียวกัน หลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เช่น ฝรั่งเศส รู้สึกกังวลใจ หลังที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนลงมติให้นายสีเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อบริหารประเทศจีนต่อไปอีก 5 ปี โดยชาติตะวันตกส่วนใหญ่รู้สึกกังวลต่อนโยบายเรื่องไต้หวันของผู้นำจีน
#เยอรมนี
#กระชับสัมพันธ์กับจีน