สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยว่า อัฟกานิสถานมีพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับในปีก่อนหน้า หลังจากที่กลุ่มตอลิบานเข้ายึดอำนาจในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งสำนักงานระบุว่า เดิมอัฟกานิสถานก็เป็นประเทศที่มีการเพาะปลูกฝิ่นมากที่สุดในโลก การขยายพื้นที่เพาะปลูกในช่วง 1 ปีมานี้ อยู่ที่ระดับ 233,000 เฮกตาร์ยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตามในเดือนเมษายน กลุ่มตอลิบานมีคำสั่งห้ามปลูกฝิ่นและสารตั้งต้นยาเสพติดอื่น ทำให้ราคาฝิ่นเพิ่มสูงขึ้น ต่อมากลุ่มตอลิบานมีคำสั่งผ่อนผัน กลุ่มเกษตรกรจึงเร่งการเพาะปลูกเพราะเห็นว่ามีรายได้ดี กลายเป็นการสร้างผลกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2560 รายได้ของเกษตรกรจากการขายฝิ่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จาก 425 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วเป็น 1,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของมูลค่าภาคการเกษตรของประเทศในปี 2564
แต่ผลกำไรที่สูงขึ้นไม่ได้เพิ่มกำลังซื้อของเกษตรกร เพราะอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้ผลักดันราคาอาหารให้สูงขึ้นประมาณร้อยละ 35
ตามรายงานของ UNODC ระบุว่า ฝิ่นที่มีต้นกำเนิดในอัฟกานิสถานมักใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่งจึงจะไปถึงประเทศปลายทาง การเปลี่ยนแปลงด้านการเพาะปลูกหรือการค้ามนุษย์ในอัฟกานิสถานจะก่อให้เกิดผลกระทบในตะวันออกกลาง และเอเชียในปีเดียวกัน และจะก่อให้เกิดผลกระทบในยุโรปในอีกหนึ่งปีถัดมา แต่คาดว่า ในปี 2566 เกษตรกรชาวอัฟกันบางส่วน อาจจะทบทวนเรื่องการเพาะปลูกฝิ่น โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งความหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ วิกฤตด้านมนุษยธรรม ราคาฝิ่นที่สูง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรัฐเรื่องการห้ามการเพาะปลูก นางกาดา วาลี กรรมการบริหาร UNODC กล่าวว่า ประชาคมระหว่างประเทศต้องร่วมกันทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของชาวอัฟกัน และเพื่อยกระดับการหยุดกลุ่มอาชญากรที่ลักลอบค้าเฮโรอีนและทำร้ายผู้คนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ฝิ่นเป็นส่วนประกอบในยาแก้ปวดหลายชนิด แต่ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในเฮโรอีน ในปี 2563 เฉพาะในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มีผู้เสียชีวิต 13,000 รายจากการเสพเฮโรอีน ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของประเทศ หรือซีดีซี
....
#ฝิ่นอัฟกานิสถาน
#UNODC