สำนักข่าวยอนฮับ รายงานอ้างกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานของเกาหลีใต้ว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนตุลาคมลดลงร้อยละ 5.7 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 52,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจาก อุปสงค์ที่อ่อนแอทั่วโลก รวมทั้งอุปสงค์จากจีน สถานการณ์การสู้รบที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียกับยูเครน เงินเฟ้อสูงและภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักอีกรายการหนึ่งของเกาหลีใต้ คิดเป็นร้อยละ 20 ของการส่งออก ลดลงร้อยละ 17.4 อยู่ที่ 9,230 ล้านดอลลาร์ นับเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนตุลาคม 2563 ที่การส่งออกของเกาหลีใต้ลดลงเมื่อเทียบตัวเลขรายปี
ส่วนการนำเข้าของเกาหลีใต้ในเดือนตุลาคม เติบโตร้อยละ 9.9 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 59,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจาก ราคาพลังงานที่แพงขึ้นทั่วโลก ทำให้เกาหลีใต้ ขาดดุลการค้า 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่เกาหลีใต้ขาดดุลการค้า ทำให้หลายฝ่าย หวั่นเกรงว่าปัญหานี้อาจกระทบเศรษฐกิจของเกาหลีใต้เช่นกัน
ที่ผ่านมา การนำเข้าของเกาหลีใต้มีอัตราที่สูงกว่าการส่งออกมาตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2540 ที่เกาหลีใต้ขาดดุลการค้า 7 เดือนติดต่อกัน เกาหลีใต้เป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานแทบทุกอย่าง ตัวเลขการนำเข้าพลังงานของเกาหลีใต้ในเดือนที่แล้วเพิ่มร้อยละ 42.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 15,530 ล้านดอลลาร์
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ คาดว่า เงินเฟ้อในเดือนตุลาคมจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ขยับขึ้นร้อยละ 0.1 จุดจากเดือนกันยายน
#เกาหลีใต้
#ส่งออกเดือนตุลาคม
#ขาดดุลการค้า