เจอ นทท.ปัสสาวะสีม่วง! ปูพรมตรวจผับ 6 จุด ทั่วกรุง คืนฮาโลวีน

01 พฤศจิกายน 2565, 05:26น.


          การจัดกิจกรรมในค่ำคืนวันฮาโลวีน 31 ต.ค.65 ในสถานบันเทิง เมื่อเวลา 00.01 น. วันที่ 1 พ.ย.65  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจค้นสถานบันเทิงของกลุ่มนายทุนต่างชาติและนอมินี หวังกวาดล้างอาวุธปืน สารเสพติด นำโดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น. ,บช.สอท.,บช.ปส.,บช.สตม.พิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้น ผับ บาร์ สถานบริการ ซึ่งเชื่อว่าเป็นของนายทุนต่างชาติและนอมินีพร้อมกัน 6 จุดทั่วกทม.



-พื้นที่มักกะสัน ได้แก่ K Bangkok,Space



-พื้นที่ห้วยขวาง มี 3 จุด คือ Hollywood ,Brooz  และ Asgard



-พื้นที่คลองตัน คือ Baby Face



         จุดแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น คือ เบบี้เฟซ ซึ่งอยู่ย่านเอกมัย เป็นผับขนาดใหญ่ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจค้นยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดไฟและขอเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้นำชุดตรวจสารเสพติดออกมาวางโดยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแสดงตนและรับชุดตรวจสารเสพติดไปตรวจ



          จากนั้นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางต่อไปยัง แอสการ์ด บาร์โฮส อันดับหนึ่งซึ่งอยู่ย่านเหม่งจ๋าย ก็ยังพบนักท่องเที่ยวเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากเป็นคืนวันฮาโลวีน



          ผลการตรวจค้นเบื้องต้นพบมีนักท่องเที่ยวปัสสาวะเป็นสีม่วงเพียงสองถึงสามรายต่อแห่งเท่านั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่านี่เป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง หากยังมีการฝ่าฝืนอีกท้องที่จะต้องร่วมรับผิดชอบปล่อยปละละเลย และเจ้าของสถานประกอบการ ก็เสี่ยงที่จะต้องถูกสั่งปิดห้าปี



         เพจ ดาวแปดแฉก รายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การตรวจสอบประกอบการครั้งนี้ไม่ได้ เพ่งเล็งไปที่กลุ่มที่มีนายทุนจีนเท่านั้น ได้ตรวจสอบสถานประกอบการที่มีเจ้าของเป็นคนไทยเช่นกัน ซึ่งยอมรับว่าในการตรวจสอบก็มีบางส่วนที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้ข้อมูลมา ในทางสืบสวนคดีที่มีนายทุนจีนเข้ามากระทำผิดกฎหมาย ทั้งเปิดผับโดยการนำยาเสพติดมาใช้มาจำหน่าย ผับศูนย์เหรียญต่างๆ ยืนยันว่าตอนนี้ชุดสืบสวนมีข้อมูลครบแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับดำเนินคดีภายในสัปดาห์นี้





         พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการครั้งนี้ ได้บูรณาการร่วมกันในส่วนงานป้องกันปราบปรามและงานสืบสวน โดยลงพื้นที่ 6 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งใน 6 จุด จะมีสถานประกอบการบางแห่งที่ชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับผิดชอบงานสืบสวน ขยายผลมาจากสถานประกอบการที่พัทยาที่มีนายทุนจีนร่วม โดยการตรวจสอบจะเน้นหนักไปที่ยาเสพติด อาวุธปืน และเด็ก ซึ่งหากพบว่าสถานประกอบการรายใดฝ่าฝืนต้องเพิกถอนใบอนุญาตสั่งปิด 5 ปี ซี่งเรื่องนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เน้นย้ำในการจัดระเบียบสถานประกอบการ ตอนนี้ที่เป็นปัญหาคือการที่มีนายทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจที่บ้านเราและมามีอิทธิพลเป็นมาเฟีย ไม่เฉพาะแต่คนจีน แต่มีอีกหลายแก๊งที่เรากำลังสืบ จะเห็นได้ว่าเรามีการทำงานในหลายภาคส่วน มีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรต่าง ๆ บูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงานเพื่อที่จะตัดวงจรไม่ให้มีมาเฟียต่างชาติมาใหญ่ในบ้านเรา



        พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปจากนี้ท้องที่จะต้องลงมา ซึ่งทางตน และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงมาตรวจสอบด้วยตนเอง ถ้าไม่สานต่อหากตรวจเจอท้องที่ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง จะไม่มีครั้งที่สอง ซึ่งถ้าเจอสิ่งผิดกฎหมายต้องถูกปิดแน่ และหากแอบกลับมาเปิดอีกก็มีโทษจำคุก 1 ปี ซึ่งจะบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ใช้ยาแรงเพราะ ผบ.ตร.สั่งมาแล้ว ซึ่งได้ให้แนวทางการตรวจสอบกับสถานบันเทิงกับท้องที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับสถานบันเทิงผู้ประกอบการด้วย ในกรณีที่พบนักเที่ยวปัสสาวะม่วง แต่ไม่พบว่ามีการขายยาเสพติดในสถานบันเทิง ก็ตัองมาสืบว่ามีการเสพยาจากไหนเพื่อที่จะดำเนินการ ส่วนนี้ก็ว่าไปตามข้อเท็จจริงถ้าพบในสถานบันเทิงก็ต้องใช้ยาแรง



 



#ตรวจสถานบันเทิง



#คืนฮาโลวีน



CR:ข้อมูล-ภาพ Police TV by UCI Media,ดาวแปดแฉก 



 

ข่าวทั้งหมด

X