ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 เผยการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และปลอมเป็นพนักงานขนส่งบริษัทเอกชน “fedex” โดยใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 6 เดือน พบว่า ที่ตั้งของแก๊งนี้อยู่ที่ตึกประตูดำ 8 ชั้น ซ.วัดตาด เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า “ตึกประตูดำ” ซึ่งมีการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
โดยผู้เสียหายรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนีคือ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม มีผู้เสียหายถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหาย 41,517,869 บาท และเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม มีผู้เสียหายรายที่ 2 มูลค่าความเสียหาย 101,871,381 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายชลวิชา หรือเบียร์ อายุ 32 ปี ชาว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ได้ที่บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ใน ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพบว่าเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 (สายสุดท้ายข่มขู่ผู้เสียหาย) โดยปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2565 พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายการ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
นายชลวิชา รับว่า ร่วมกันกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายจริง และเล่าว่า ข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่เมืองปอยเปต ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ถูกย้ายมาทำงานที่ตึกประตูดำ และเริ่มการทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาย 2 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ยศร้อยตำรวจโท จากนั้นหัวหน้าชาวไต้หวัน ให้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่สาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ยศพันตำรวจเอก โดยหลอกลวงผู้เสียหายว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
โดยตั้งแต่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้ประมาณ 7 - 8 ล้านบาทต่อเดือน และเคสใหญ่ ๆ ที่หลอกได้มี 3 ครั้ง คือครั้งแรกเดือนเมษายน 2565 หลอกลวง นางอำภา ข้าราชการครูเกษียณ ได้ประมาณ 11 ล้านบาท, เดือนกรกฎาคม 2565 หลอกลวงนายชาญชัย นักลงทุนหุ้น ได้ประมาณ 41 ล้านบาท และช่วงประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2565 หลอกลวง นางรัชนี เป็นแพทย์อยู่เมืองชุมพร ซึ่งเป็นเคสล่าสุดที่มีการทำงานร่วมกับเพื่อนชื่อ เต๋า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ได้ประมาณ 101 ล้านบาท
พล.ต.ต.ธีรเดช หัวหน้าชุด PCT 5 กล่าวว่า ผู้ต้องหามีเทคนิควิธีการที่จะสร้างความกลัวให้เหยื่อ มีวิธีการหลอกลวงได้อย่างแนบเนียนกว่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนอื่น จนได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าชาวไต้หวัน ถือเป็นบุคคลที่เป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยด้วยกัน จึงขอเตือนผู้ที่คิดจะไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ทราบว่า สุดท้ายแล้วจะต้องกลับมาอย่างอาชญากร และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนคนไทยอย่าได้หลงเชื่อกลวิธีต่าง ๆ ของมิจฉาชีพ
...
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์