นักลงทุน ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดมองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์จะทำให้ ECB ตัดสินใจเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง +0.75% สู่ระดับ 1.50% (Deposit Facility Rate) อย่างไรก็ดี ควรจับตาการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มนโยบายการเงิน ECB ในช่วงที่ประธาน ECB ตอบคำถามสื่อมวลชน (Press Conference) หาก ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจนและย้ำมุมมอง “Data Dependent” ก็อาจส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดยังมีมุมมองเชิงลบต่อค่าเงินยูโร (EUR) กดดันให้เงินยูโรมีแนวโน้มพลิกกลับมาผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้
นอกเหนือจากการประชุม ECB ผู้เล่นในตลาด รอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ ออกมาดีกว่าคาด ก็จะสามารถช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดการเงินได้
ส่วนค่าเงินบาท เปิดตลาด เช้านี้ (27 ต.ค.65) น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เมื่อช่วงเวลา 09.40 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 37.82-37.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้(26 ต.ค.65) ที่ 37.76 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เงินบาทแข็งค่าในช่วงแรก แต่ทยอยลดช่วงบวกลงตามสกุลเงินเอเชียบางส่วน โดยมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าตามค่าเงินหยวนที่กลับมาอ่อนค่ากว่าแนว 7.2100 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง แต่ต้องระมัดระวังกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ยังอาจผันผวนในระหว่างวัน เนื่องจากตลาดกำลังชั่งน้ำหนักและประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจจะเริ่มชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมเดือนธ.ค.65 ซึ่งทำให้คงต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ โดยเฉพาะตัวเลข PCE/Core PCE Price Indices ในวันศุกร์นี้(28 ต.ค.65)อย่างใกล้ชิด
กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 37.65-37.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินหยวนและเงินเยน ผลการประชุม ECB ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. 65ของจีน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบด้วย จีดีพีไตรมาส 3/65 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.65 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
#ประชุมECB
#ขึ้นดอกเบี้ย
#ค่าเงินบาท
แฟ้มภาพ