การนำม. 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาใช้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ ร่างหลักเกณฑ์การใช้ม.44เสร็จแล้ว โดยมีหลักเกณฑ์ประมาณ 5-6 ข้อ มุ่งเน้นการจับกุมผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงและรุนแรงโดยไม่ต้องรอหมายศาลเพื่อป้องกันการหลบหนีและการใช้อำนาจในการออกกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ต่างๆที่ออกไม่ได้ในช่วงรัฐบาลเก่าเป็นหลัก เพื่อช่วยลดงานและเวลาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยจะประกาศใช้ได้ไม่นานนี้ ซี่งการประกาศใช้ไม่จำเป็นต้องผ่านผู้ใดและสามารถกระทำได้ด้วยตัวเองเลย ยืนยันว่าจะใช้ในทางสร้างสรรค์เท่านั้น ส่วนการคุมตัวผู้ต้องหาตาม ม.44 จะกำหนดให้สามารถคุมตัวได้แค่ 7 วันเท่าเดิมและต้องส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามปกติ ล่าสุด ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธยยกเลิกการประกาศใช้ยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว พร้อมระบุว่าที่ใช้ม. 44 ไม่ใช่เพื่อครองอำนาจ แต่เป็นการช่วยเหลือประเทศให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น และหากเกิดปัญหาใดขึ้นตัวเองก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ และขณะนี้ตัวเองก็รับผิดชอบโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันอยู่แล้ว
นายกฯยังระบุว่า ประชาชนไม่มีความจำเป็นที่ต้องกลัวม. 44 หากไม่ได้กระทำผิดเพราะจะใช้กับผู้ที่ทำความผิดเท่านั้น ขณะเดียวกันยังระบุว่านับแต่สัปดาห์หน้าจะเรียกสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาลและสายทหารมาทำความเข้าใจระหว่างที่รอนายกฯประชุมครม. เพื่อให้สื่อไม่เสนอข่าวที่ผิดพลาดและถามคำถามได้ตรงประเด็น หลังพบว่ามีสื่อหลายช่องที่ไม่เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลสื่อสาร โดยจะเรียกสื่อฯมาพูดคุยสัปดาห์ล่ะ 1-2 ครั้ง พร้อมระบุว่าไม่ได้เป็นการกุมอำนาจหรือคุกคามสื่อ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจมากกว่า
ส่วนรายการคืนความสุขที่ออกอากาศทุกวันศุกร์ช่วง 20.00น. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากนี้จะให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆมาชี้แจงถึงความคืบหน้าการทำงานของแต่ละฝ่าย โดยอาจจะร่วมพูดคุยกับตัวเองในรายการหรืออาจจะชี้แจงภายหลังจากนายกฯได้พูดไปแล้ว จะให้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้ประชาชนเข้าใจปัญหาและการทำงานของรัฐบาลด้วย
สำหรับในวันนี้ สื่อมวลชนจากประเทศออสเตรเลียมาร่วมสอบถามถึงสถานการณ์ของประเทศต่อนายกฯด้วย ซี่งนายกฯได้ทำท่าอธิบายเป็นภาษามือโดยนำมือไปแกะกระดุมออกและทำท่าติดกระดุมผิดให้ผู้สื่อข่าวฝรั่งดูพร้อมระบุเป็นภาษาไทยว่า ในอดีตไทยเหมือนเสื้อที่ติดกระดุมผิดมาโดยตลอด เพราะมีปัจจัยการเมืองสร้างความวุ่นวาย และทำให้เกิดปัญหาเก่าๆจากกลุ่มการเมืองเดิมๆ ดังนั้นตัวเองจำเป็นที่จะต้องเข้ามาปฎิรูปและวางโรดแมปเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้พร้อมระบุว่าเคยพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งฝั่งนายกฯออสเตรเลียก็เข้าใจสถานการณ์ไทยและพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และระบุว่าออสเตรเลียคงไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยนัก เนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์เหมือนไทย
ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายรวมกันสื่อสารให้ชาวต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ขณะนี้ และจากนี้จะแถลงข่าวเฉพาะทางสร้างสรรค์เท่านั้น และจะไม่พูดเรื่องที่อาจนำไปสู่การทะเลาะอีกต่อไป โดยนายกฯยังระบุต่อจากการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ระบุกับนายกฯว่า ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยและแลดูเหมือนนายกฯจำกัดสิทธิประชาชน โดยนายกฯระบุว่าตัวเองไม่เคยจำกัดสิทธิประชาชนและยังไม่ได้นำร่างรัฐธรรมนูญมาพูดคุย การเข้ามาปฎิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างสร้างสรรค์ พร้อมระบุว่าต้องร่วมกันรณรงค์ให้ชาวต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ด้วย โดยระหว่างการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวต่างชาติ นายกฯได้พูดสื่อสารเป็นภาษาไทยปนอังกฤษท่ามกลางความสนใจจากสื่อมวลชนด้วย