นักไวรัสวิทยา แจงเหตุ'อีโบลา'กลับมาระบาด คนรับเชื้อจากสัตว์ตัวกลาง แพร่เชื้อไม่รู้ตัว

26 ตุลาคม 2565, 07:25น.


          ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เรื่องไวรัสอีโบลา โดยระบุว่า “ทำไม Ebola Virus ถึงไม่หายไปจากธรรมชาติทั้งๆที่ไม่พบคนป่วยมาตั้งนานแล้ว



          คำตอบก็คือ ไวรัสไม่ได้มีคนเป็นพาหะนำโรค แต่คนเป็นโฮสต์ที่สามารถรับเชื้อไวรัสเข้ามาแล้วสามารถแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นๆต่อได้ ถึงแม้จะทำการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อในคนจนไม่เหลือคนติดเชื้อแล้ว ไวรัสที่อยู่ในพาหะอื่นๆในธรรมชาติก็สามารถกระโดดเข้ามาติดคนได้อีกเมื่อมีโอกาส ทุกครั้งที่กระโดดมาติดคนได้สำเร็จ ก็จะเกิดการติดเชื้อในประชากรมนุษย์ได้อีก ควบคุมได้ไวปัญหาก็จะไม่เป็นวงกว้าง ถ้าควบคุมได้ช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพการแพร่กระจายของเชื้อก็จะขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆเหมือนสถานการณ์ในยูกันดาในตอนนี้ เชื่อกันว่า สัตว์ตัวกลางที่เป็นแหล่งรังโรคของไวรัสอีโบลาคือ ค้างคาว โดยไวรัสสามารถติดอยู่ในร่างกายของค้างคาวแบบไม่แสดงอาการป่วย หรือ ผิดปกติใดๆ ค้างคาวสามารถปลดปล่อยไวรัสสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งสัตว์ตัวกลางที่มักจะรับเชื้อจากค้างคาวคือ ลิง และ เก้ง กวาง โอกาสที่คนจะรับเชื้อจากค้างคาวโดยตรงก็มี แต่เชื่อว่า โอกาสน้อยกว่าการรับจากสัตว์ตัวกลางที่ติดเชื้อมาจากค้างคาวผ่านกิจกรรมที่ไปสัมผัสสัตว์เช่น ไปล่าสัตว์แล้วนำเนื้อมาเป็นอาหาร ซึ่งเป็นช่องทางรับไวรัสมาแบบโดยตรง



          คนที่รับเชื้อไวรัสเข้ามามีระยะฟักตัวได้แตกต่างกัน บางคนสั้นเพียง 2 วัน บางคนยาวนานถึง 21 วัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วระยะฟักตัวของเชื้อคือ 8-10 วัน อาการของโรค คือ มีไข้ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดทั่วร่างกาย อ่อนเพลียไม่มีแรง หลังจากนั้นบางรายจะมีอาการเลือดไหลออกมาทางส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น จมูก ตา ปาก บางรายมีอาการถ่ายเป็นเลือด ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก การรักษาพยาบาลแบบใกล้ชิด โดยเฉพาะการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง เช่น เลือด หรือ อาเจียนของผู้ป่วย หรือ การสัมผัสกับศพผู้ป่วย เป็นโอกาสให้เชื้อแพร่จากคนสู่คนได้



          เนื่องจาก ผู้ป่วยอีโบลามีอาการรุนแรงขณะแพร่เชื้อ ทำให้การเคลื่อนไหวไปในที่ต่างๆจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผู้ป่วยแพร่เชื้อได้ในช่วงที่สามารถมีกิจกรรมได้เหมือนคนปกติ ทำให้การแพร่กระจายเชื้ออีโบลาเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย แต่เนื่องจากผู้ที่ได้รับเชื้อบางคนมีระยะฟักตัวที่อาจยาวนานกว่าปกติ คนที่มีความเสี่ยงไปในพื้นที่ระบาดควรมีการเฝ้าระวังอาการจนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย



#อีโบลา



CR:ข้อมูล-ภาพ Anan Jongkaewwattana



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X