นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีธุรกิจอุตสาหกรรมเริ่มปลดหรือลดจำนวนคนงาน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะยังเป็นผลสะท้อนมาจากการส่งออกที่ลดลงต่อเนื่อง และกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลไม่ควรออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงที่สูงขึ้นมากโดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของจีดีพี มากสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายประชานิยม ซึ่งหากกระตุ้นด้วยการบริโภคก็จะยิ่งเพิ่มหนี้ครัวเรือนให้สูงขึ้นอีก โดยเห็นว่า เราต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุน และดูแลการส่งออก ขณะที่รัฐบาลจะเน้นเรื่องของการลงทุน การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน การใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งผลักเงินเข้าสู่กองทุนหมู่บ้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
และในวันนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) จะแถลงสถานการณ์การส่งออกประจำเดือน มีนาคม ซึ่งต้องติดตามเรื่องการทบทวนตัวเลขส่งออกทั้งปี เนื่องจากใน 2 เดือนแรกการส่งออกติดลบร้อยละ 4.8
มาที่เรื่องศาสนาซึ่งเครือข่ายพระสงฆ์กว่า 10,000 รูป เตรียมจัดกิจกรรมชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งที่ประชุมมหาเถรสมาคม ที่มีพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกิจการศาสนา ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรมและการศาสนา สปช. และ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับที่ประชุมด้วยนั้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่าไม่ได้ขอให้ยุติการเคลื่อนไหว เพียงแต่มารายงานประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงความเป็นห่วงเรื่องการจัดกิจกรรม
จากนั้นพระพรหมเมธี กรรมการและโฆษกมหาเถรฯ แจ้งให้พระสงฆ์ทั่วประเทศ ที่จะมาเจริญพระพุทธมนต์ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขอให้ยุติการมาสวดมนต์ และนายสุวพันธุ์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ได้ให้ความเชื่อมั่นว่า การดำเนินสิ่งใดเกี่ยวข้องกับกฎหมายของคณะสงฆ์ รัฐบาลจะหารือกับมหาเถรฯ หรือหากจะดำเนินการเรื่องใด อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลกับมส.ในการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้การจัดกิจกรรมยังไม่เหมาะทั้งเวลา และสถานที่ เช่น เป็นวันสิ้นเดือน มีการจัดงานกาชาด ที่สำคัญเป็นเขตพระราชฐาน การที่มีพระรวมกัน หรือมีบุคคลใดออกมากล่าวในสิ่งที่ไม่เหมาะอาจเกิดปัญหาได้
มาที่ข่าวอาชญากรรม จากเหตุคนร้ายขบวนการค้ายาเสพติดใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม พ.ต.ท.จิรภาส เซ่งเส้ง รอง ผกก.สส. และ จ.ส.ต.ธนศักดิ์ ทรพิศ ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.มะนัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่บริเวณทางแยกทางเข้าบ้านถ้ำระฆังทอง หมู่ 5 ต.ปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่าคนร้ายใช้อาวุธหลายชนิด ซึ่งรวมถึงอาวุธสงคราม และได้ขอหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 1 ราย คือ นายปิยะศักดิ์ ดำสินธุ์ อายุ 22 ปีหลังพบว่าร่วมกันก่อเหตุ กับยังมีผู้หลบหนีอีก 2 คน ซึ่ง พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล กล่าวว่า คนร้ายเป็นบุคคลที่ต้องคดีฆ่าถึง 3 คดีขณะก่อเหตุอยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นศาลฯ นอกจากนี้ยังงออกหมายจับ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาที่ขับรถยนต์ ลวง 2 นายตำรวจไปสังหาร โดยตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ในขณะปฏิบัติหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันควร เร่งด่วน ตามสมควรแห่งพฤติการณ์ และทำให้เสียทรัพย์ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการหาความเชื่อมโยงระหว่าง ผู้ลวงและผู้ที่ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าเป็นคนในพื้นที่ และน่าจะสืบเนื่องมาจากการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่
โดยในวันนี้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จะเดินทางไปร่วมงาน พระราชทานเพลิงศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง 2 นาย ที่เสียชีวิต
ส่วนเหตุนายอานนท์ พิมพ์หนู อายุ 28 ปี ทำร้าย ด.ช.นัชชา บุญร่วม อายุ 2 ขวบ 2 เดือน จนเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายอานนท์ไว้ได้ โดยสารภาพว่า ลงมือเพราะความมึนเมา ทั้งไม่พอใจที่ลูกเลี้ยงไม่ยอมเข้าห้องนอน และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะขยายผลเรียกชายอีกคนที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดมาสอบปากคำอย่างละเอียด
ขณะที่ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นใช้เวลาเพียง 1 นาทีคือให้ผู้ต้องชี้จุดบริเวณบันไดหนีไฟของแฟลตเอื้ออาทรหทัยราษฎร์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เพื่อสำรวจสถานที่ และในวันนี้จะคุมตัวผู้ต้องหาฝากขัง ที่ศาลจังหวัดมีนบุรีในเวลา 10.00 น.
*-*