ผบช.ภ.1 สั่งย้าย 3 เสือ สภ.ปากเกร็ด เหตุลักปืนหลวง - ได้คืนแล้ว30กระบอก

21 ตุลาคม 2565, 13:04น.


          หลังจากตำรวจสามารถควบคุมตัว ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร อดีตตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุลักปืนหลวงจากคลังเก็บอาวุธปืนสภ.ปากเกร็ด แล้วหลบหนีไปจังหวัดหนองคาย เตรียมข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สอบปากคำ ดต.เชาวลิต ด้วยตัวเองเสร็จสิ้น และได้สั่งการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 สืบสวนจังหวัดนนทบุรี สืบสวนสภ.ปากเกร็ด แบ่งหน้าที่ทำงานเร่งติดตามนำอาวุธปืนที่ถูกลักไปกลับคืนมาให้ครบ



          ด้านพล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 ได้สอบปากคำ ด.ต.เชาวลิต จนถึงเช้า เพื่อเร่งติดตามอาวุธปืนที่ลักไปว่านำอาวุธปืนไปจำนำกับใครบ้าง จากการสอบปากคำทราบว่า อาวุธปืน ถูกนำไปจำนำและกระจายไปหลายทอดหลายจังหวัด ขณะนี้ตำรวจสืบภาค 1 สืบสวนจังหวัดนนทบุรี สืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ติดตามอาวุธปืนสามารถติดตามอาวุธปืนของ สภ.ปากเกร็ด กลับคืนมาได้อีก 9 กระบอกจากนักพนันรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้รับจำนำอาวุธปืนไว้ จากการตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีทั้ง 5 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.65)





          ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 หลังเดินทางไปสอบปากคำ ด.ต.เชาวลิต ได้กลับมาเซ็นคำสั่งที่ 292/65 ให้ พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.สุเนตร์ สีชำนาญ รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด, พ.ต.ท.พรรษา จิวรรักษ์ สว.อก.สภ.ปากเกร็ด ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 (ศปก.ภ.1) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง



          และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยให้ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.สมภพ เชาว์เพชรไพโรจน์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด ร.ต.อ.พิชิต อิ่มโอชา รอง สว.อก.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน สว.อก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง



          ล่าสุดตำรวจได้แจ้งข้อหา ก่อนเตรียมนำตัวส่งฝากขังยังศาลทุจริตภาค 1 สระบุรี ในข้อหามาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท และ มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ รวม 4 ข้อหา



          พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จากการตรวจอาวุธปืน รวมจำนวนหายไป 159 กระบอก เบื้องต้นครั้งแรกพบหายไป 160 กระบอก แต่ตรวจสอบมีปืนเอ็มโฟ 1 กระบอก มีเจ้าหน้าที่เบิกปืนไปใช้ภารกิจจริงในจำนวนปืน 159 กระบอก ปืนสั้นลูกโม่ ปืนออโตเมติกกล็อก ปืนออโตเมติกซิกซาวเออร์ รวม 134 กระบอก และปืนยาว เอ็ม 16 และปืนเอ็มโฟ รวม 25 กระบอก



          ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมที่โรงพักมีปืนเก็บไว้จำนวนมากนั้น ถือว่ามีปืนตามจำนวนกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ ปืนส่วนใหญ่เป็นปืนลูกโม่รุ่นเก่า โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้รับซื้อและรับจำนำปืน นำปืน 27 กระบอก มีปืนลูกโม่ 25 กระบอก และปืนเอ็มโฟ 2 กระบอกใส่กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลมาทิ้งคืนไว้บริเวณสโมสรตำรวจ เนื่องจากกลัวความผิด และโทร.แจ้งบอกเจ้าหน้าที่ไปนำมาเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว จะต้องมีการตรวจพิสูจน์หาผู้ครอบครองต่อไป



          รองผบช.ภ.1 เผยอีกว่า ทั้งนี้จากการขยายผลเข้าตรวจค้นเมื่อคืน มีผู้รับจำนำรับซื้อปืน 3 ราย สมัครใจยินยอมให้เข้าตรวจค้นบ้าน ได้ปืนมาเพิ่มอีก 3 กระบอก รวมขณะนี้ได้ปืนกลับมาแล้ว 30 กระบอก ปืนส่วนใหญ่ผู้ต้องหาเอาไปจำนำในบ่อน นักพนันด้วยกัน และนักการเมืองท้องถิ่น ช่วงเช้านี้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นหาอาวุธปืนอีกหลายจุดในพื้นที่ กทม. พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7



 



 



#ขโมยปืนหลวง

ข่าวทั้งหมด

X